ตลาด
แพลตฟอร์ม
บัญชี
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือ
หุ้น
เขียนโดย Itsariya Doungnet
อัปเดตแล้ว 31 ตุลาคม 2025
สารบัญ
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Dividend yield คือ ตัวเลขสำคัญที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก แต่ทำไมตัวเลขนี้ถึงส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนได้ขนาดนั้น? และทำไมการเข้าใจเรื่องนี้จึงสำคัญสำหรับคนที่ลงทุนในหุ้น? Dividend yield เป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ช่วยบอกว่าเราจะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลเท่าไรเมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ถืออยู่ บทความนี้จะพาไปรู้จักวิธีคำนวณและแนวทางวิเคราะห์ Dividend yield เพื่อช่วยให้การลงทุนของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สาระสำคัญ
Dividend Yield คือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเทียบกับราคาหุ้น
Dividend Yield สามารถคำนวณได้ เพียงนำเงินปันผลต่อหุ้นหารด้วยราคาหุ้นปัจจุบันแล้วคูณ 100
Dividend Yield สูงบ่งชี้ผลตอบแทนดี แต่ต้องดูความมั่นคงของบริษัทควบคู่กัน
การลงทุนหุ้นปันผลช่วยสร้างรายได้สม่ำเสมอ แต่ต้องระวังความเสี่ยงจาก Dividend Yield สูงเกินไป
ทอลองใช้บัญชีเดโม่โดยไม่มีความเสี่ยง
ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
Dividend yield คือ ส่วนแบ่งกำไรที่บริษัทจ่ายคืนให้ผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลเมื่อมีกำไรและได้รับการอนุมัติ ผู้ที่ถือหุ้นในวันที่กำหนดจะได้รับเงินปันผลตามสัดส่วนหุ้นของตน
ข้อดีของการได้รับ Dividend yield คือ นักลงทุนจะมีรายได้สม่ำเสมอ ไม่ต้องขายหุ้น ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้น และบ่งบอกถึงความมั่นคงของบริษัท นอกจากนี้ เงินปันผล ยังช่วยเพิ่มผลตอบแทนรวมจากการลงทุนในหุ้นให้สูงขึ้นอีกด้วย
Dividend Yield คือ อัตราส่วนที่แสดงผลตอบแทนจากเงินปันผล เมื่อเทียบกับราคาหุ้น ช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพรายได้จากเงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับ ตัวเลขนี้สำคัญเพราะช่วยในการเลือกหุ้นที่เหมาะกับการสร้างรายได้แบบ Passive Income และการลงทุนระยะยาว
หุ้นที่มี Dividend Yield สูงมักให้รายได้ปันผลสม่ำเสมอและความมั่นคงในระยะยาว การเข้าใจ Dividend Yield จึงช่วยให้นักลงทุนวางแผนลงทุนได้ดีขึ้น เพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ต่อเนื่องและมั่นคง
การคำนวณ Dividend Yield ช่วยให้นักลงทุนรู้ผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างชัดเจน ทำให้ตัดสินใจลงทุนได้ง่ายขึ้นและแม่นยำกว่าเดิม
เงินปันผลต่อหุ้น (Dividend per Share) คือ จำนวนเงินปันผลที่บริษัทจ่ายต่อหุ้นในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น ต่อปี)
ราคาหุ้นปัจจุบัน (Market Price) คือ ราคาหุ้นที่ซื้อขายในตลาด ณ ปัจจุบัน
ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในรูปเปอร์เซ็นต์ ยิ่งตัวเลขสูงแสดงว่าผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง นักลงทุนจึงได้รับรายได้จากเงินปันผลมากขึ้นเมื่อเทียบกับราคาหุ้น อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาควบคู่กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความมั่นคงของบริษัทและแนวโน้มกำไร เพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพ
ค่า Dividend Yield ทั่วไปแล้ว จะอยู่ระหว่างประมาณ 3-6% ถือว่าเป็นระดับที่ดี เพราะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และบางกองทุนรวมที่เน้นความปลอดภัย หาก Dividend Yield สูงเกิน 8-10% อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าหุ้นตัวนั้นมีความเสี่ยง เช่น กำไรของบริษัทอาจไม่มั่นคง หรือ ราคาหุ้นตกต่ำจนทำให้อัตรานี้ดูสูงเกินจริง
การเปรียบเทียบ Dividend Yield กับดอกเบี้ยเงินฝากหรือผลตอบแทนกองทุนรวมช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพว่าผลตอบแทนจากเงินปันผลคุ้มหรือไม่ และช่วยในการตัดสินใจเลือกลงทุน อย่างไรก็ตาม การไล่ตาม Dividend Yield ที่สูงเกินไปโดยไม่พิจารณาความเสี่ยงอาจทำให้นักลงทุนเจอกับผลตอบแทนที่ไม่ยั่งยืน หรือ ขาดทุนจากราคาหุ้นที่ลดลง
Dividend Yield มีหลายประเภทตามลักษณะของหุ้นและการจ่ายเงินปันผล ซึ่งหลัก ๆ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
Dividend Yield แบบปกติ เป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่บริษัทจ่ายในปีปัจจุบันหรือปีล่าสุด เทียบกับราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน สูตรคำนวณง่ายและสะท้อนผลตอบแทนในช่วงเวลาปัจจุบัน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการประเมินผลตอบแทนเงินปันผลแบบเรียลไทม์ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามราคาหุ้นที่ผันผวนในตลาด
Dividend Yield แบบย้อนหลัง คำนวณจากเงินปันผลที่จ่ายจริงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยนำเงินปันผลรวมมาหารด้วยราคาหุ้นปัจจุบัน วิธีนี้ช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงในอดีต และสามารถใช้เปรียบเทียบผลการดำเนินงานของหุ้นในช่วงที่ผ่านมาได้ดี แต่ไม่รับประกันว่าเงินปันผลจะจ่ายในระดับเดียวกันในอนาคต
Dividend Yield แบบคาดการณ์ เป็นการประเมินอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่คาดว่าจะจ่ายในอนาคต ซึ่งข้อมูลมักได้จากประมาณการของบริษัทหรือผู้วิเคราะห์ โดยเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบัน วิธีนี้ช่วยนักลงทุนวางแผนล่วงหน้าและตัดสินใจลงทุนบนพื้นฐานของคาดการณ์ผลตอบแทนในอนาคต แต่ก็มีความเสี่ยงหากบริษัทจ่ายเงินปันผลไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
การจ่าย Dividend yield คือ กระบวนการที่บริษัทมอบผลตอบแทนส่วนหนึ่งจากกำไรให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
บริษัทจะจัดประชุมคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาผลประกอบการและกำไรสะสม จากนั้นจะอนุมัติจำนวนเงินปันผลที่เหมาะสมกับสถานะการเงินและนโยบายการจ่ายเงินปันผล พร้อมทั้งกำหนดวันสำคัญต่าง ๆ เช่น วันขึ้นสิทธิรับเงินปันผล และวันจ่ายเงินปันผล เพื่อแจ้งให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบอย่างชัดเจน
วันขึ้นสิทธิรับเงินปันผล เป็นวันที่บริษัทกำหนดเพื่อตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล โดยผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในระบบ ณ วันที่นี้จะได้รับเงินปันผลตามสัดส่วนหุ้นที่ถืออยู่ การกำหนดวันนี้ช่วยให้บริษัททราบจำนวนผู้ถือหุ้นที่ต้องจ่ายเงินปันผลอย่างชัดเจน
วันประกาศขึ้นเครื่องหมาย เป็นวันที่กำหนดเพื่อแยกสิทธิรับเงินปันผลจากการซื้อขายหุ้น โดยปกติจะอยู่ก่อน Record Date หนึ่งวันทำการ ใครที่ซื้อหุ้นหลังจากวันนี้จะไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผล ทำให้นักลงทุนสามารถวางแผนซื้อขายหุ้นได้อย่างถูกต้อง
วันจ่ายเงินปันผล เป็นวันที่บริษัทจะดำเนินการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นตามที่ได้ประกาศไว้ เงินปันผลอาจจ่ายเป็นเงินสดโดยโอนเข้าบัญชีธนาคาร หรือในรูปแบบของหุ้นเพิ่มขึ้น ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท
หลังจากวันจ่ายเงินปันผล ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลตามจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ ณ Record Date เงินปันผลที่ได้รับสามารถนำไปใช้จ่ายได้ทันที หรือเลือกนำไปลงทุนต่อเพื่อเพิ่มมูลค่าทุนในอนาคต
การรับเงินปันผลจากหุ้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องมีขั้นตอนและความรู้พื้นฐานในการลงทุน เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับสิทธิ์เงินปันผลอย่างถูกต้องตามกฎเกณฑ์ ดังนี้
ก่อนอื่นต้องมีบัญชีซื้อขายหุ้นกับโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตในตลาดหลักทรัพย์ เช่น บัญชีออนไลน์ของโบรกเกอร์ หรือธนาคารที่ให้บริการซื้อขายหุ้นได้ ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าธรรมเนียมเหมาะสมและบริการตอบโจทย์การลงทุนของคุณ
เลือกหุ้นที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และ Dividend Yield ที่เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนของคุณ เช่น หุ้นในกลุ่มธุรกิจที่มีรายได้มั่นคงอย่างสาธารณูปโภค หรือธนาคาร วิเคราะห์ผลประกอบการและแนวโน้มบริษัทเพื่อความมั่นใจในการลงทุนระยะยาว
ต้องถือหุ้นในช่วงก่อนวัน Record Date ซึ่งเป็นวันที่บริษัทจะบันทึกรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล หากคุณซื้อหุ้นหลังจากวันนี้ จะไม่ได้รับเงินปันผลในรอบนั้น ระวังวัน XD เพราะถ้าซื้อหุ้นหลังวันนี้ คุณจะไม่ได้รับสิทธิ์ปันผลในรอบนั้น
หลังจากวันประกาศจ่ายเงินปันผล (Payment Date) บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นผ่านบัญชีโบรกเกอร์ของคุณ บางบริษัทจ่ายเป็นเงินสดเข้าบัญชีธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ หรือบางแห่งอาจจ่ายผ่านเช็ค เงินปันผลจะถูกโอนเข้าบัญชีของคุณโดยอัตโนมัติหรือตามวิธีที่บริษัทกำหนด
ควรติดตามข่าวสารการจ่ายเงินปันผลจากบริษัทอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่พลาดวันสำคัญ เช่น วันประกาศจ่ายเงินปันผล, XD วันที่หุ้นเริ่มซื้อขายโดยไม่มีสิทธิ์รับเงินปันผล การติดตามข่าวสารช่วยให้คุณวางแผนลงทุนและรับปันผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สมมติว่ามีหุ้นบริษัท A จ่ายเงินปันผลปีละ 3 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 50 บาท จะได้ Dividend Yield = 3/50 = 6% นักลงทุนจึงคาดหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 6% ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนเพื่อรับรายได้ประจำ
เปรียบเทียบ 2 หุ้นที่ Dividend Yield ต่างกัน
ข้อเปรียบเทียบ
หุ้นบริษัท A
หุ้นบริษัท B
ราคาหุ้น
50
100
เงินปันผลต่อหุ้น
3
Dividend Yield (%)
6% (3 / 50 x 100)
3% (3 / 100 x 100)
ผลตอบแทน
สูง
ต่ำ
เหมาะกับใคร
เน้นรับรายได้ประจำ
เน้นการเติบโตระยะยาว
ความเสี่ยง
อาจมีราคาหุ้นผันผวนสูง
ราคาหุ้นค่อนข้างมั่นคง
ถึงแม้หุ้น B ราคาสูงกว่า แต่ผลตอบแทนจากเงินปันผลน้อยกว่า นักลงทุนที่เน้นรายได้ประจำอาจชอบหุ้น A มากกว่า ขณะที่นักลงทุนที่เน้นการเติบโตอาจสนใจหุ้น B เพราะมีโอกาสเพิ่มมูลค่าหุ้นในอนาคต
อย่าเลือกหุ้นแค่เพราะ Dividend Yield สูง ควรดูพื้นฐานบริษัทด้วย เช่น ความมั่นคงของกำไร และแนวโน้มการจ่ายปันผล
เปรียบเทียบ Dividend Yield กับอัตราดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนจากการลงทุนประเภทอื่นๆ เพื่อประเมินความคุ้มค่า
พิจารณาความเสี่ยงที่อาจมากับ Dividend Yield สูงเกินไป เช่น หุ้นที่ราคาตกต่ำผิดปกติ อาจไม่ยั่งยืน
ใช้ Dividend Yield ควบคู่กับข้อมูลทางการเงินและข่าวสารบริษัท เพื่อการตัดสินใจที่รอบคอบและแม่นยำ
“เงินปันผล” กับ “หุ้นปันผล” แม้ดูใกล้เคียงกัน แต่จริง ๆ ต่างกัน เงินปันผลคือรายได้ที่ได้รับ ส่วนหุ้นปันผลคือหุ้นที่จ่ายเงินปันผลเป็นประจำ ส่วนนี้จะช่วยให้เข้าใจความแตกต่างง่ายขึ้น
หัวข้อ
เงินปันผล
หุ้นปันผล
ความหมาย
รายได้ที่ผู้ถือหุ้นได้รับจากบริษัท
หุ้นบริษัทที่เน้นจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ
เงินสด หรือบางครั้งเป็นหุ้นเพิ่ม
เน้นจ่ายเงินปันผลสูงและสม่ำเสมอ
จุดประสงค์หลัก
รายได้จริงจากการถือหุ้น
การลงทุนในหุ้นที่ให้รายได้ประจำ
เหมาะสำหรับ
นักลงทุนที่ต้องการรายได้จากเงินปันผล
นักลงทุนที่ต้องลงทุนในหุ้นจ่ายปันผล
สมมติคุณถือหุ้นบริษัท A ซึ่งเป็นหุ้นปันผล บริษัทจ่ายเงินปันผลปีละ 4 บาทต่อหุ้น หากคุณถือ 100 หุ้น คุณจะได้รับเงินปันผล 400 บาทในปีนั้น นี่คือ “เงินปันผล” ที่คุณได้รับ ส่วนหุ้นบริษัท A เองคือ “หุ้นปันผล” ที่เน้นจ่ายผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ
หุ้นปันผลเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการรายได้ประจำและความมั่นคง แต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรรู้ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจลงทุนได้ดียิ่งขึ้น
ข้อดี
ข้อเสีย
ได้รับรายได้ประจำจากเงินปันผล ช่วยเพิ่มกระแสเงินสด
Dividend Yield สูงบางครั้งอาจบ่งชี้ถึงความเสี่ยง หรือปัญหาของบริษัท
ลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน เพราะหุ้นปันผลมักเป็นบริษัทที่มีความมั่นคง
โอกาสเติบโตของราคาหุ้นอาจต่ำกว่าหุ้นที่เน้นการเติบโตสูง
เหมาะกับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการสร้างรายได้สม่ำเสมอและเพิ่มมูลค่าในระยะยาว
บางบริษัทอาจลดหรืองดจ่ายเงินปันผลในช่วงเวลาที่ผลประกอบการไม่ดี
Dividend yield คือ ตัวชี้วัดสำคัญที่บอกอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเมื่อเทียบกับราคาหุ้น การเข้าใจ Dividend yield คือ กุญแจที่จะช่วยให้นักลงทุนเลือกหุ้นปันผลที่เหมาะสมและสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง
การลงทุนที่ดีไม่ใช่แค่เลือกราคาปันผลสูง แต่ต้องพิจารณาคุณภาพของบริษัทควบคู่กันไป ดังนั้นอย่าลืมใช้ Dividend yield เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ เพื่อการลงทุนที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์เป้าหมายของคุณ
พร้อมสำหรับก้าวต่อไปในการซื้อขายหรือยัง?
เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย
ไม่เหมือนกันค่ะ เงินปันผล คือ จำนวนเงินที่ผู้ถือหุ้นได้รับ ส่วน Dividend Yield คือ อัตราผลตอบแทนของเงินปันผลเทียบกับราคาหุ้น Yield ช่วยให้เปรียบเทียบความคุ้มค่าในการลงทุนระหว่างหุ้นแต่ละตัวได้ง่ายขึ้น
ไม่มีค่ะ เพราะ Dividend Yield ต้องอาศัย “เงินปันผล” ในการคำนวณ หากบริษัทไม่จ่ายปันผล ค่า Dividend Yield จะเป็น 0
ไม่ค่ะ หุ้นเติบโตมักไม่จ่ายปันผลหรือจ่ายน้อย เพราะบริษัทเลือกใช้กำไรไปขยายธุรกิจ ทำให้ Dividend Yield ต่ำหรือเป็น 0 แต่มีโอกาสกำไรจากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นแทน
Dividend Yield เปลี่ยนตาม ราคาหุ้นในตลาด และ จำนวนเงินปันผลที่บริษัทประกาศจ่าย ซึ่งราคาหุ้นลดลง แต่ปันผลเท่าเดิม Yield จะสูงขึ้นทันที
Dividend Yield ขึ้นอยู่กับผลกำไรของบริษัทและราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงได้ ไม่การันตีจำนวนเงินแน่นอน ต่างจากดอกเบี้ยที่มีอัตราคงที่ตามสัญญา
Dividend Yield ไม่ควรใช้เป็นเกณฑ์เดียว ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ROE, กำไรสุทธิ, กระแสเงินสด และความสามารถในการดำเนินธุรกิจระยะยาว
Itsariya Doungnet
SEO Content Writer
อิสสริยา ดวงเนตร เป็นนักเขียนคอนเท้นต์ SEO ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เชี่ยวชาญด้านการให้ความรู้ เรื่องตลาดเทรด และ การลงทุน เน้นสไตล์การเขียนที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย และเนื้อหาความรู้จัดเต็ม พร้อมกับการผสมผสานเทคนิค SEO ที่ช่วยให้ผู้อ่านค้นหาบทความได้ง่าย อย่าลืมติดตามกันนะคะ
เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง