ตลาด
แพลตฟอร์ม
บัญชี
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
การแข่งขัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือการเทรด
แหล่งข้อมูล
ฟอเร็กซ์
เขียนโดย Itsariya Doungnet
อัปเดตแล้ว 30 ธันวาคม 2025
สารบัญ
การเทรด Scalping คือ รูปแบบการเทรดที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก สำหรับนักเทรดที่ไม่มีเวลานั่งมองกราฟเป็นชั่วโมงๆ แม้ว่ารูปแบบการเทรดแบบนี้จะมีความเสี่ยงที่มากกว่า แต่หากนักเทรดเข้าใจพฤติกรรมการวิ่งของราคา ก็สามารถเก็บกำไรในระยะสั้นอย่างแน่นอน นักเทรดมือใหม่ที่สนใจ การเทรดแบบ Scalping และ ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นยังไงดี เรามาหาคำตอบกันต่อในบทความนี้ได้เลย
สาระสำคัญ
การเทรด Scalping คือ รูปแบบการเข้าซื้อออกรวดเร็ว ทำกำไรได้น้อย แต่เข้าซื้อขายได้บ่อย
การเทรด Scalping เหมาะกับนักเทรดที่มีเวลาน้อย ถนัดเรื่องวิเคราะห์กราฟราคา
เทคนิคการเทรด Scalp ควรเลือกสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง และ เทรดตาม Smart Money
ทอลองใช้บัญชีเดโม่โดยไม่มีความเสี่ยง
ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
การเทรดแบบ Scalping คือ รูปแบบการเทรดระยะสั้นค่ะ จะใช้เวลาในการเทรดประมาณ 5นาที 15นาที และ ชาร์ตที่ใช้มากสุดส่วนมากก็ 30 นาที นักเทรด Scalp จะทำกำไรจากการปิดเปิดสถานะความผันผวนราคา ด้วยความแม่นยำและความเร็ว
การทำกำไรของนักเทรดแบบ Scalping trade คือ การเลือกซื้อคำสั่งเล็กๆ หลายออเดอร์ด้วยกัน เช่น ใน 1 อาทิตย์ นักเทรดอาจจะเปิดปิดออเดอร์ สัก 2-3 ครั้ง และ แต่ละครั้งจะซื้อขายกว่า 10 คำสั่ง หรือ มากกว่า แทนที่จะเปิด lot ขนาดใหญ่ไปเลยครั้งเดียว และ นั่งมองกราฟเป็นเวลาหลายชั่วโมง
Scalping Trading คือ รูปแบบการเทรดที่เหมาะกับ นักเทรดสายเทคนิค ที่ไม่มีเวลานั่งมองกราฟเป็นเวลานาน หรือ การเปิดเทรดข้ามคืน นักเทรดที่จะเทรดแบบ Scalping นี้จะต้องมีประสบการณ์ในการเทรดมาบ้างแล้ว อาจะไม่เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่ในวงการเทรด
เพราะอย่างน้อย คุณจะต้องเข้าใจพฤติกรรมของราคา นอกจากนี้แล้ว ก็อาจจะไม่เหมาะกับนักเทรดที่มักใช้อารมณ์ในการเทรด เพราะมีความเสี่ยงในการพลาดมากกว่า การเทรดรูปแบบอื่นๆ
การเทรด Scapling เป็นการซื้อขายระยะสั้น ซึ่งมีรูปแบบแตกต่างกันออกไประหว่าง ตลาดหุ้น และ ตลาดฟอเร็กซ์ เรามาดูกันต่อเลยว่าจะมีความแตกต่างกันอย่างไร
การเทรด Scalping ในตลาดหุ้น คือ การซื้อหุ้นจำนวนมาก และ รอให้คุณขยับสักเล็กน้อย จากนั้นทำการปิดออเดอร์ทันที
การเทรด Scalping ในตลาดฟอเร็กซ์ เป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง และ มีตัวเลเวอเรจในการเพิ่มกำไร นักเทรดสามารถเลือกเปิดสถานะใหญ่และทำกำไรในระยะสั้นได้
หากคุณพร้อมเข้าเทรดแล้ว เรามาดูขั้นตอนการเทรดแบบ Scalping กันเลยค่ะ
นักเทรดหลายคนก็มีความเชี่ยวชาญในการเทรดแต่ละตลาดไม่เหมือนกัน ซึ่งรูปแบบการเทรด Scalping นี้ จริงๆ แล้วก็สามารถใช้เทรดได้ทุกตลาดค่ะ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้าง เพื่อให้ตรงกับความผันผวนของตลาดนั้นๆ
การเทรด Scalping นี้ จะเน้นกรอบเวลาเล็กๆ อาจจะเล็กไปถึง 1 นาที เลยก็ได้ ซึ่งยิ่งกรอบเวลาเล็กลง คุณจะเห็นราคาวิ่งขึ้นลงรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งหากคุณเข้าเทรด 1 นาที ก็ควรวิเคราะห์ทิศทางตลาดด้วยกรอบเวลาสักประมาณ 5 นาที และ 15 นาที เพื่อความแม่นยำ ส่วนมากแล้ว จะเลือกเทรดช่วงเวลาที่ตลาด London หรือ ตลาด Newyork เปิด
นักเทรดจะต้องวาดเส้นแนวนอนไว้ ณ.จุดที่ เป็น Key Levels ตามนี้:
จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของกรอบเวลา 5 นาที และ 15 นาที
วางแนวรับ และ แนวต้านไว้
จุดสูงสุด และ จุดต่ำสุดของตลาดเอเชีย ลอนดอน (หากคุณเลือกเทรดช่วงตลาด New york เปิด)
คุณจะต้องรอดูว่า ราคาไปทิศทางไหน ซึ่งหากราคากลับมาที่เส้นแนวรับ และทิ้ง Wick ยาวๆ ไว้บนเส้นนี้ ให้เข้าซื้อ แต่หากราคามาที่แนวต้าน และทิ้ง Wick ไว้ ให้เราเลือกเข้าขาย ปกติแล้ว ราคามักจะย้อนกลับมาที่ระดับ Key Levels ที่เราล่างเส้นไว้
การเทรดรูปแบบนี้ คุณไม่ควรถือคำสั่งซื้อไว้นาน ให้คุณเลือกตั้ง SL ไว้ล่างแนวรับ หรือ แนวต้าน ประมาณ 3-7 pips และ TP อยู่ที่ 10 pips อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาโดน Take profit เมื่อไหร่ ควรปิดออเดอร์ การเทรดแบบนี้จะต้องมีการควบคุม Risk to Reward ไว้อย่างเหมาะสม ประมาณ 1:2 และ 1:3 ถือว่าเป็นรูปแบบมาตรฐาน
กลยุทธ์การเทรด Scalping มีด้วยกัน 3 แบบค่ะ เรามาดูกันเลยว่าแบบไหนที่จะเหมะกับสไตล์การเทรดของคุณกัน
นักเทรดระยะสั้นบางส่วน จะเลือกเข้าเทรดเฉพาะช่วงที่ปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นในตลาด เพราะมีโอกาสในการทำกำไรที่เพิ่มสูงขึ้น ด้วยการเลือกเปิดออเดอร์เล็กๆ หลายๆ ออเดอร์ พร้อมกับตั้งค่าสเปรดที่แคบ ก็จะช่วยให้นักเทรดสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดีในช่วงตลาดผันผวน
นักเทรดบางคนถนัดเทรดช่วง Breakout เพราะการเทรดแบบนี้มีหลักการที่เข้าใจง่าย มือใหม่ก็สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้ เพียงแค่ทำความเข้าใจเรื่อง Price Action หรือ พฤติกรรมตลาด ที่มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง คุณจะหาจุด Breakout เพื่อเข้าเทรดได้หลายครั้งต่อวันแน่นอน
หากคุณเข้าใจการเทรดของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ธนาคาร แล้วพยายามเทรดตาม เมื่อ Smart Money เข้ามาในตลาด จะทำให้คุณสามารถจับกำไรได้ง่ายมากขึ้น เพราะ Smart Money เป็นตัวขับเคลื่อนตลาด ทำให้ตลาดมีการเคลื่อนไหว เพราะฉะนั้นแล้ว หากคุณเลือกเทรดตามกลุ่มนี้ แทนที่จะเทรดตรงกันข้าม ก็จะเพิ่มโอกาสทำกำไรได้ง่ายขึ้น
ข้อดี
ข้อเสีย
คุณจะมีโอกาสทำกำไรได้เร็วมากขึ้น
อาจจะทำให้คุณเครียดมากกว่า เพราะต้องอาศัยความเร็ว และ ความแม่นยำ
ไม่จำเป็นต้องรอสถานะสั่งซื้อข้ามคืน
อาจจะมีความเสี่ยงมากกว่า เพราะเป็นการเทรดข้อมูลส่วนเล็กๆ ในตลาดเท่านั้น
นักเทรดไม่จำเป็นต้องตามข่าวตลอดเวลา
ทำกำไรได้น้อยกว่ารูปแบบอื่น
ใช้เงินลงทุนน้อย แต่สามารถเทรดได้ถี่
หากคุณเคยมีประสบการณ์เทรดรูปแบบอื่นๆ มาก่อน แต่ยังถือว่าเป็นมือใหม่ในตลาดอยู่ล่ะก็ เรามาดูเคล็ดลับการว่า มีส่วนไหนบ้างที่คุณจำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่มเติม ก่อนจะเข้าเทรด
นักเทรดคุณจะต้องเข้าใจพฤติกรรมราคาในตลาด และ Price Action ที่เป็นส่วนสำคัญในการวิเคราะห์เชิงเทคนิค เช่น ทิศทางการวิ่งของราคา, leverage, แนวรับ แนวต้าน และ อื่นๆ หากคุณต้องการเทรดรูปแบบ Scalping ก็จำเป็นจะต้องเข้าใจวิธีในการเทรด เพื่อทำการวางแผนกลยุทธ์การเทรดของคุณ
การเทรด Scalping อาจจะไม่เหมาะกับทุกตลาดสินทรัพย์ เพราะฉะนั้นแล้ว นี่ก็อาจจะไม่เหมาะกับนักเทรดทุกคน การเทรดรูปแบบนี้จะเหมาะกับตลาดที่มีสภาพคล่องสูงอย่าง ตลาดฟอเร็กซ์, ตลาดหุ้น, ตลาดทอง และ คริปโต ที่มีความผันผวนมากที่สุด
นักเทรดระยะสั้นส่วยมากเลือกเทรดช่วงตลาดเปิด เพราะจะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ตลาดได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ตลาดเอเชีย ตลาดลอนดอน หรือ ตลาดนิวยอร์ก ทั้งนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน เพราะช่วงเวลาตลาดเปิด ตลาดจะมีโมเมตัมที่มากกว่า ช่วยให้คุณสามารถเก็บกำไรได้มากกว่า และ ปิดออเดอร์ ได้รวดเร็ว
การเทรดรูปแบบ Scalping คือ การเทรดระยะสั้น ที่เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว และเคยมีประสบการณ์ในการเทรดมาบ้างแล้ว สามารถเทรดได้ในตลาดสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น Forex, ทอง และ คริปโต เป็นต้น นักเทรดจะต้องมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี และ ต้องมีวินัยกับแผนการเทรดของคุณ เพื่อลดความสูญเสียจากการเทรด
พร้อมสำหรับก้าวต่อไปในการซื้อขายหรือยัง?
เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย
ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความต้องการของนักเทรด หากคุณไม่อยากรอถือคำสั่งซื้อข้ามคืน ก็สามารถเลือก Scalping ได้ค่ะ เพราะใช้เวลาสั้นกว่า แต่หากคุณต้องการความเสี่ยงน้อย Day Trading ก็จะมีความเสี่ยงต่ำกว่า
ความเสี่ยงในการเทรด Scalping ส่วนมากจะมากจาก การเทรดด้วยอารมณ์ และ ข่าวแรงที่ส่งผลทำให้ตลาดผันผวน ที่อาจทำให้ราคาคลาดเคลื่อน
การเทรดรูปแบบ Scalp นี้ สามารถทำกำไรได้จริงค่ะ มีนักเทรด Scalp หลายคนที่ใช้วีธีนี้ในการเทรดเป็นอาชีพหลัก ต้องยึดหลักกลยุทธ์การเทรดของคุณ และ ห้ามเข้าไม้มากเกินไป
นักเทรต้องเข้าใจการวิเคราะห์ทางเทคนิคกันมาบ้าง แล้วให้เลือกสินทรัพย์ที่คุณเข้าใจพฤติกรรมราคาในตลาดนั้นๆ และ รอเทรดตอนตลาดเปิดในแต่ละประเทศที่คุณต้องการ ช่วยให้คุณเก็บกำไรได้ง่ายขึ้น
การเทรด Scalping ช่วยให้คุณเก็บกำไรได้รวดเร็ว กำไรน้อยกว่า ส่วน Swing Trading คือ การเทรดที่ใช้เวลามากกว่า เช่น 4H, 1H ได้กำไรมากกว่า
ใช้ได้ค่ะ คุณสามารถเลือกใช้ RSI, MACD, Stochastic Oscillator, Bollinger Bands, Moving Average และอื่นๆ ช่วยตรวจจุดเข้าออกได้
Itsariya Doungnet
SEO Content Writer
อิสสริยา ดวงเนตร เป็นนักเขียนคอนเท้นต์ SEO ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เชี่ยวชาญด้านการให้ความรู้ เรื่องตลาดเทรด และ การลงทุน เน้นสไตล์การเขียนที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย และเนื้อหาความรู้จัดเต็ม พร้อมกับการผสมผสานเทคนิค SEO ที่ช่วยให้ผู้อ่านค้นหาบทความได้ง่าย อย่าลืมติดตามกันนะคะ
เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง