ตลาด
บัญชี
แพลตฟอร์ม
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือ
เขียนโดย Itsariya Doungnet
อัปเดตแล้ว 14 พฤษภาคม 2025
ค่าเงินที่แพงที่สุด เป็นเรื่องที่หลายคนต่างก็ให้ความสนใจ เพราะความแข็งแกร่งของสกุลเงินสะท้อนถึงเศรษฐกิจแต่ละประเทศ บทความนี้ เราจะพาคุณไปดู ค่าเงินที่แข็งที่สุดในโลก ทั้งหมด 15 อันดับ เพื่อเจาะลึกถึงเศรษฐกิจโลกและการเปลี่ยนแปลงของตลาดการเงิน เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเทรด คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์ และการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ค่าเงินแพงที่สุด ปี 2025 คือ ดีลาร์คูเวต (KWD) เป็นค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก มีอัตราแลกเปลี่ยนสูงสุด เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ 1 KWD = 3.29 USD
ค่าเงินที่แพงที่สุด เป็นตัวบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศนั้นๆ หากค่าเงินสูงแสดงถึงความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของเศรษฐกิจ และความน่าเชื่อถือในสกุลเงินของประเทศนั้นๆ
ปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินแพง เช่น เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง การผลิตและส่งออกสินค้า การเก็บสำรองเงินตราต่างประเทศที่สูง และการรักษาความเสถียรทางการเมือง
นักลงทุนสามารถใช้ข้อมูลค่าเงินในการวางแผนการลงทุน หรือการเทรด Forex ตามกลยุทธ์การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจแต่ละประเทศ
ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
ตรวจสอบ 15 อันดับค่าเงินแพงที่สุด ในโลก อัพเดตล่าสุด เดือนมีนาคม 2025 โดยอิงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถืออย่าง เว็บไซต์ธนาคารกลางและอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงิน
ลำดับ
ประเทศ
ตัวย่อสกุลเงิน
อัตราแลกเปลี่ยนเทียบดอลลาร์
15
ประเทศอิสราเอล
ILS
1 ILS = 0.27 USD
14
ประเทศสิงคโปร์
SGD
1 SGD = 0.74 USD
13
ประเทศนิวซีแลนด์
NZD
1 NZD = 0.58 USD
12
ประเทศฮ่องกง
HKD
1 HKD = 0.13 USD
11
ประเทศแคนาดา
CAD
1 CAD = 0.74 USD
10
ประเทศกลุ่มยุโรป
EUR
1 EUR = 1.05 USD
9
ประเทศออสเตรเลีย
AUD
1 AUD = 0.64 USD
8
ประเทศหมู่เกาะเคย์แมน
KYD
1 KYD = 1.20 USD
7
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
CHF
1 CHF = 1.13 USD
6
ประเทศสหราชอาณาจักร
GBP
1 GBP = 1.21 USD
5
ประเทศจอร์แดน
JOD
1 JOD = 1.41 USD
4
ประเทศโอมาน
OMR
1 OMR = 2.60 USD
3
ประเทศบาห์เรน
BHD
1 BHD = 2.65 USD
2
ประเทศบรูไน
BND
1 BND = 0.75 USD
1
ประเทศคูเวต
KWD
1 KWD = 3.29 USD
ด้านล่างนี้คือรายชื่อ ค่าเงินที่แพงที่สุด ในโลก เรียงลำดับจาก 15 ไปจนถึงอันดับ 1 อัพเดตล่าสุด เดือนมีนาคม 2025:
15. เชเกลใหม่อิสราเอล (ILS)
14. ดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD)
13. ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD)
12. ดอลลาร์ฮ่องกง (HKD)
11. ดอลลาร์แคนาดา (CAD)
10. ยูโร (EUR)
9. ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD)
8. ดอลลาร์หมู่เกาะเคย์แมน (KYD)
7. ฟรังก์สวิส (CHF)
6. ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP)
5. ดีนาร์จอร์แดน (JOD)
4. เรียลโอมาน (OMR)
3. ดีนาร์บาห์เรน (BHD)
2. ดอลลาร์บรูไน (BND)
1. ดีนาร์คูเวต (KWD)
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 ILS = 0.28 USD
ประเทศ: อิสราเอล
แหล่งที่มา: เชเกลใหม่อิสราเอล (ILS)
เชเกลใหม่อิสราเอล (ILS) เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในปี 1985 แทนเชเกลเดิม เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงในช่วงต้นทศวรรษ 1980 จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในช่วงปี 1990 เมื่ออิสราเอลกลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับโลก จนได้รับฉายาว่า “Startup Nation”
การเติบโตของอุตสาหกรรมไฮเทคและการลงทุนจากต่างชาติเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เชเกลแข็งค่า ธนาคารกลางมีนโยบายการเงินที่เข้มงวดและมีเสถียรภาพ ส่งผลให้ ILS เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีความน่าเชื่อถือสูงในภูมิภาคตะวันออกกลาง
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 SGD = 0.74 USD
ประเทศ: สิงคโปร์
แหล่งที่มา: ดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD)
ดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD) เริ่มใช้ในปี 1967 แทนเงินดอลลาร์มาเลเซีย หลังจากสิงคโปร์แยกตัวเป็นเอกราช เศรษฐกิจเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษ 1980 จากการเป็นศูนย์กลางการค้าและการเงินระดับโลก รัฐบาลบริหารนโยบายการเงินอย่างรอบคอบ มีการใช้ระบบการจัดการอัตราแลกเปลี่ยนแบบควบคุมผ่านตะกร้าเงิน (managed float)
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้สกุลเงินมีเสถียรภาพ ปัจจัยที่ทำให้ SGD แข็งค่า คือ เงินทุนไหลเข้าจากการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ เศรษฐกิจที่มีเทคโนโลยีและภาคบริการชั้นนำ รวมถึงการรักษาเสถียรภาพการเมืองและการเงินอย่างต่อเนื่อง
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 NZD = 0.58 USD
ประเทศ: นิวซีแลนด์
แหล่งที่มา: ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD)
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในปี 1967 แทนที่สกุลเงินปอนด์นิวซีแลนด์ เพื่อให้การค้าระหว่างประเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้น เศรษฐกิจของนิวซีแลนด์มีความหลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มภาคเกษตรกรรม เช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ และผลิตภัณฑ์นม เป็นหัวใจหลักของการส่งออกควบคู่กับ อุตสาหกรรมไวน์คุณภาพ การท่องเที่ยวก็มีบทบาทสำคัญในประเทศนี้เช่นเดียวกัน
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 HKD = 0.13 USD
ประเทศ: ฮ่องกง
แหล่งที่มา: ดอลลาร์ฮ่องกง (HKD)
ดอลลาร์ฮ่องกง (HKD) เริ่มใช้ในปี 1935 หลังจากที่ประเทศอังกฤษตั้งฐานการเงินในฮ่องกง เพื่อเสริมความมั่นคงทางการเงินของอาณานิคม การที่ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการเงินในเอเชีย มีการเชื่อมโยงกับจีนแผ่นดินใหญ่ทำให้สกุลเงินมีเสถียรภาพสูง
ฮ่องกงยังเป็นประตูสำคัญในการเชื่อมโยงการค้าระหว่างจีนและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับดอลลาร์ฮ่องกง ปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์ฮ่องกงแข็งค่า คือ การรักษาสภาพเศรษฐกิจที่มั่นคง การลงทุนจากต่างประเทศ และการสนับสนุนจากจีน
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 CAD = 0.74 USD
ประเทศ: แคนาดา
แหล่งที่มา: ดอลลาร์แคนาดา(CAD)
ดอลลาร์แคนาดา (CAD) เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในปี 1858 หลังจากที่แคนาดาเปลี่ยนจากการใช้เงินตราของอังกฤษมาเป็นสกุลเงินของตนเอง ภายใต้การสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่มั่นคงและการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
ประเทศแคนาดา เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ซึ่งการสำรวจแหล่งทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ เช่น ทองคำและไม้ ยังกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความเสถียรของระบบธนาคารและการควบคุมเงินเฟ้อมีส่วนช่วยในการเสริมความแข็งแกร่งให้กั ดอลลาร์แคนาดา (CAD)
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 EUR = 1.05 USD
ประเทศ: เขตยูโรโซน (Eurozone)
แหล่งที่มา: ยูโร (EUR)
ยูโร (EUR) เริ่มใช้ในปี 1999 เป็นสกุลเงินของประเทศในเขตยูโรโซน (Eurozone) ทั้งหมด 20 ประเทศ แต่ละประเทศยูโรโซนมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและหลากหลาย ซึ่งนี่ก็ช่วงส่งเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและการค้าในภูมิภาค ทำให้ สกุลเงินแข็งค่าเทียบดอลลาร์
ยูโร มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก เนื่องจากการสนับสนุนจากประเทศเศรษฐกิจใหญ่ เช่น เยอรมนีและฝรั่งเศส รวมถึงการเชื่อมโยงการลงทุน และการค้าระหว่างประเทศสมาชิก การรวมกันของระบบเศรษฐกิจที่หลากหลาย ทำให้ยูโรมีเสถียรภาพสูง เป็น ค่าเงินที่ทำกำไรได้ดี
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 AUD = 0.64 USD
ประเทศ: ออสเตรเลีย
แหล่งที่มา: ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD)
ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) เริ่มใช้ในปี 1966 หลังจากที่ออสเตรเลียเปลี่ยนจากสกุลเงินปอนด์ออสเตรเลียมาเป็นดอลลาร์ออสเตรเลีย การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ออสเตรเลีย ต้องการควบคุมเศรษฐกิจและการเงิน เศรษฐกิจของออสเตรเลีย เน้นพึ่งพาการส่งออก สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น เหล็ก น้ำมัน และแร่ธาตุ
นี่จึงทำให้ดอลลาร์ออสเตรเลีย มีความแข็งแกร่งในตลาดการเงินโลก รายได้จากการส่งออกมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของประเทศ ออสเตรเลียยังได้พัฒนาระบบการศึกษาและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในตลาดลงทุนจากต่างประเทศ
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 KYD = 1.20 USD
ประเทศ: หมู่เกาะเคย์แมน
แหล่งที่มา: ดอลลาร์หมู่เกาะเคย์แมน (KYD)
ดอลลาร์หมู่เกาะเคย์แมน (KYD) เริ่มใช้ในปี 1972 หลังจากที่หมู่เกาะเคย์แมน แยกจากการใช้เงินตราของสหราชอาณาจักร การพัฒนาทางเศรษฐกิจของเกาะ ได้รับการสนับสนุนจากบทบาทสำคัญในการเป็น ศูนย์กลางการเงินระดับโลก ซึ่งเป็นที่ตั้งของธนาคาร และกองทุนการลงทุนจำนวนมาก
หมู่เกาะเคย์แมน เสริมสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคง โดยการรักษากฎเกณฑ์ทางการเงินที่เข้มงวด การบริหารการเงินที่มีประสิทธิภาพ และการลงทุนในภาคการเงิน ทำให้ดอลลาร์หมู่เกาะเคย์แมน มีความเสถียรสูงและค่าเงินยังคง ที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 CHF = 1.13 USD
ประเทศ: สวิตเซอร์แลนด์
แหล่งที่มา: ฟรังก์สวิส (CHF)
ฟรังก์สวิส (CHF) เป็นสกุลเงินที่มีเสถียรภาพสูง มีมูลค่าสูงกว่าเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ สวิตเซอร์แลนด์ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากเศรษฐกิจที่มั่นคง และการธนาคารที่มีชื่อเสียงระหว่างประเทศ รวมถึงนโยบายการเงินที่เข้มงวด และมีหนี้สาธารณะที่ต่ำ
เหตุการณ์สำคัญที่กระทบต่อฟรังก์สวิส เกิดขึ้นในช่วงที่สวิตเซอร์แลนด์รักษาความเป็นกลางในสงครามโลกทั้งสองครั้ง และกลายเป็นศูนย์กลางการธนาคาร ที่ปลอดภัยในระดับโลก ฟรังก์สวิสยังได้รับความนิยมในช่วงวิกฤตการเงิน เพราะนักลงทุนมองว่าเป็น "สินทรัพย์ปลอดภัย" เมื่อมีความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 GBP = 1.21 USD
ประเทศ: สหราชอาณาจักร
แหล่งที่มา: ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP)
ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) ถือเป็นหนึ่งในสกุลเงิน ที่มีความแข็งแกร่งสูง หาก เปรียบเทียบค่าเงินโลก เนื่องจากเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมีความหลากหลาย เช่น ด้านการเงิน การผลิต และการบริการ ซึ่งสหราชอาณาจักรยังเป็น ศูนย์กลางการเงินที่สำคัญของโลก ทำให้ปอนด์สเตอร์ลิงมีความน่าเชื่อถือในระดับสากล
ความเสถียรทางการเมืองและนโยบายการเงิน ที่มั่นคงของสหราชอาณาจักร ยังเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับปอนด์สเตอร์ลิง การบริหารจัดการเศรษฐกิจที่ดีทำให้ปอนด์สเตอร์ลิงรักษาค่าเงินที่แข็งแกร่งได้ แม้ในช่วงที่เผชิญกับ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหรือการเมือง
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 JOD = 1.41 USD
ประเทศ: จอร์แดน
แหล่งที่มา: ดีนาร์จอร์แดน (JOD)
ดีนาร์จอร์แดน (JOD) เริ่มใช้ในปี 1949 แทนที่ปอนด์อิรัก ซึ่งมีอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำกว่ามาก เป็นอีกสกุลเงินที่มีความแข็งแกร่งสูง เพราะมีการบริหารจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพและนโยบายเศรษฐกิจที่เข้มงวด ประเทศจอร์แดนมีการควบคุมการเงินและการใช้จ่ายภาครัฐอย่างรอบคอบ ช่วยให้ประเทศสามารถรักษาความเสถียรทางการเงินได้ แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ท้าทาย
การลงทุนในภาคการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างประเทศ ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งให้กับ ค่าเงินแข็งค่า อย่างต่อเนื่อง การลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกได้ ช่วยเพิ่มความมั่นคงในตลาดการเงิน ทำให้มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามามากขึ้น รักษาค่าเงินให้อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 OMR = 2.60 USD
ประเทศ: โอมาน
แหล่งที่มา: เรียลโอมาน (OMR)
เรียลโอมาน เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มี ค่าเงินที่แข็งกว่าดอลลาร์ เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากแหล่งน้ำมันสำคัญในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโอมาน ตั้งแต่ปี 1970 การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่าเรือ สนามบิน และโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพและเติบโตต่อเนื่อง
การบริหารจัดการทางการเงินที่ดี เช่น การรักษาสำรองเงินตราต่างประเทศและการควบคุมเงินเฟ้อ ช่วยให้ประเทศโอมานสามารถรักษามูลค่าสกุลเงินไว้ได้ แม้ว่าจะเผชิญกับความท้าทายจากภายนอก การที่เศรษฐกิจของโอมานมีความหลากหลาย ไม่ใช่แค่พึ่งพาน้ำมันเพียงอย่างเดียว ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ติด อันดับ 4 สกุลเงินที่แพงที่สุด ในตลาดโลก
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 BHD = 2.65 USD
ประเทศ: บาห์เรน
แหล่งที่มา: ดีนาร์บาห์เรน (BHD)
ดีนาร์บาห์เรน (BHD) คือ หนึ่งในอันดับ 3 ที่มี ค่าเงินที่มีอิทธิพลสูงสุด เนื่องจากเศรษฐกิจของบาห์เรนที่มีการผลิตน้ำมันเป็นส่วนสำคัญ และยังเป็นศูนย์กลางการเงินในตะวันออกกลาง ด้วยการเป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงินของประเทศ
ประเทศบาห์เรน มีการลงทุนในภาคบริการ การธนาคาร และการเงิน ทำให้บาห์เรนมีเศรษฐกิจที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่การพึ่งพาน้ำมันเพียงอย่างเดียว การที่ประเทศมีการบริหารจัดการทางการเงินที่ดีและการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ช่วยให้ดีนาร์บาห์เรน ยังคงมี ค่าเงินสูงที่สุดในประวัติศาสตร์
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 BND = 0.75 USD
ประเทศ: บรูไน
แหล่งที่มา: ดอลลาร์บรูไน (BND)
ดอลลาร์บรูไน (BND) เป็น ค่าเงินและเศรษฐกิจ ที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเศรษฐกิจที่พึ่งพาการผลิตน้ำมันและก๊าซ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ ตั้งแต่การค้นพบแหล่งน้ำมันในปี 1929 บรูไนมีรายได้ต่อหัวที่สูงที่สุดในโลก เพราะการจัดการทรัพยากรได้ดีและการลงทุนที่ชาญฉลาด
ประเทศบรูไน ยังรักษาความมั่นคงทางการเงิน ด้วยการสำรองเงินตราต่างประเทศที่สูง และการควบคุมเงินเฟ้ออย่างมีประสิทธิภาพ การลงทุนในโครงการต่าง ๆ เช่น พลังงาน ท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตและเสริมความแข็งแกร่งให้กับดอลลาร์บรูไน
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 KWD = 3.25 USD
ประเทศ: คูเวต
แหล่งที่มา: ดีนาร์คูเวต (KWD)
ดีนาร์คูเวต (KWD) เป็น เงินตราที่มีมูลค่ามากที่สุด ในโลก อุตสาหกรรมน้ำมัน ตั้งแต่ปี 1938 เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าเงินของคูเวตเป็น เงินตราแพงที่สุดในโลก เพราะคูเวตเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก รายได้จากน้ำมันทำให้เศรษฐกิจของคูเวตมั่นคงและเติบโตต่อเนื่อง
นอกจากน้ำมัน ประเทศคูเวตก็ยังมีการบริหารจัดการทรัพยากรทางการเงินที่ดี ด้วยการลงทุนในหลายภาคส่วน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินระยะยาว คูเวตยังมีสำรองเงินตราต่างประเทศที่แข็งแกร่ง มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ ซึ่งช่วยเสริมความเสถียรให้กับสกลุเงินดีนาร์คูเวต ทำให้ดีนาร์คูเวตยังคงเป็น ค่าเงินที่แพงที่สุด ที่สุดในโลก
ทำไมเงินบางประเทศถึงแพง? ปัจจัย ค่าเงินแพงที่สุด 2025 ก็เกิดจากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อ ความแข็งแกร่งของสกุลเงิน เช่น:
การเติบโตทางเศรษฐกิจ: ที่มีความมั่นคงและการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าสูงทำให้ประเทศแข็งแกร่ง
การส่งออกสินค้าและการค้าขายระหว่างประเทศสูง: ก็จะทำให้ตลาดขยายตัวมากขึ้น
อัตราดอกเบี้ยสูง: สามารดึงดูดให้นักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนมากขึ้น
ความเสถียรทางการเมือง: สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ
มีการเก็บเงินสำรองเงินตราต่างประเทศสูง: สร้างความมั่นคงของสกุลเงินได้ ไม่ให้ค่าเงินตกต่ำ
ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในเศรษฐกิจ: ก็จะทำให้นักลงทุนกล้าเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น
คุณสามารถใช้ข้อมูล ค่าของเงินในแต่ละประเทศ ในการลงทุนได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่คุณต้องการใช้ นี่คือวิธีหลัก ๆ ที่ง่ายและกระชับในการใช้ข้อมูลค่าเงินในการลงทุน:
การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis): เช่น หากคู่เทรดสกุลเงิน EUR/USD มีแนวโน้มขาขึ้น คุณอาจเข้าซื้อ (long) โดยใช้ RSI เพื่อดูว่าเงินไม่ถูกซื้อมากเกินไป
การเทรดตามข่าว (News Trading): หากมีข่างในประเทศอังกฤษที่มีความไม่แน่นอน GBP อาจอ่อนค่าลงในระยะสั้น
การเก็งกำไรระยะสั้น (Scalping & Day Trading): หาก GBP/USD มีการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ คุณอาจเปิดตำแหน่งซื้อและปิดทันทีเมื่อได้กำไร
การใช้กลยุทธ์ Carry Trade: ยืมเงินใน JPY (อัตราดอกเบี้ยต่ำ) และซื้อ AUD (อัตราดอกเบี้ยสูง) เพื่อทำกำไรจากความต่างของอัตราดอกเบี้ย
ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก ปี 2025 คือ ดีนาร์คูเวต (KWD) ซึ่งมีมูลค่ามากที่สุด เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เหตุผลหลักมาจากเศรษฐกิจ ที่มั่นคงและรายได้จากน้ำมัน ในอันดับถัดมา ได้แก่ ดีนาร์บาห์เรน (BHD), เรียลโอมาน (OMR) และดีนาร์จอร์แดน (JOD) การที่สกุลเงินเหล่านี้มีมูลค่าสูงเกิดจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ การบริหารการเงินที่ดี และการมีทรัพยากรธรรมชาติสำคัญ การเข้าใจค่าเงินเหล่านี้สามารถช่วยในการวางแผนการลงทุนและ การเทรด Forex ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย
ค่าเงินที่แพงที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ ดีนาร์คูเวต (KWD), ดีเนอร์บาห์เรน (BHD), เรียลโอมาน (OMR), ดีเนอร์จอร์แดน (JOD), ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP), ดอลลาร์เกาะเคย์แมน (KYD), ยูโร (EUR), ฟรังก์สวิส (CHF), ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และ ดอลลาร์เบอร์มิวดา (BMD)
เพราะเศรษฐกิจของคูเวตมั่นคง มีรายได้หลักจากการส่งออกน้ำมันดิบจำนวนมาก และรัฐบาลมีนโยบายควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเข้มงวด ทำให้ค่าเงินมีเสถียรภาพและมูลค่าสูงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น
10 ค่าเงินแพงที่สุด ในเอเชีย ได้แก่ ดีนาร์คูเวต (KWD), ดีนาร์บาห์เรน (BHD), เรียลโอมาน (OMR), ดีนาร์จอร์แดน (JOD), ริงกิตบรูไน (BND), ดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD), ริยัลซาอุดีอาระเบีย (SAR), กาตาร์ริยัล (QAR), หยวนจีน (CNY) และ วอนเกาหลีใต้ (KRW)
ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับค่าเงินแพงที่สุด คือ ดีนาร์คูเวต ซึ่ง 1 ดีนาร์คูเวต จะเท่ากับประมาณ 120–125 บาท
ค่าเงินที่ทำกำไรได้ดี มักจะเป็นสกุลเงินที่มีความผันผวนสูง หรือ มีปริมาณการซื้อขายมาก เช่น ดอลลาร์สหรัฐ (USD), ยูโร (EUR), เยนญี่ปุ่น (JPY), ปอนด์อังกฤษ (GBP), ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD), ฟรังก์สวิส (CHF) และ หยวนจีน (CNY)
10 อันดับ ค่าเงินที่ถูกที่สุดเทียบกับไทย ปี 2025 ได้แก่ เวียดนามดอง (VND), อินโดนีเซียรูเปียห์ (IDR), อิหร่าริยัล (IRR), กีบลาว (LAK), เปโซปารากวัย (PYG), ลีราตุรกี (TRY), ปากีสถานรูปี (PKR), ศรีลังการูปี (LKR), บังคลาเทศตากา (BDT) และ เนปาลรูปี (NPR)
SEO Content Writer
อิสสริยา ดวงเนตร เป็นนักเขียนคอนเท้นต์ SEO ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เชี่ยวชาญด้านการให้ความรู้ เรื่องตลาดเทรด และ การลงทุน เน้นสไตล์การเขียนที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย และเนื้อหาความรู้จัดเต็ม พร้อมกับการผสมผสานเทคนิค SEO ที่ช่วยให้ผู้อ่านค้นหาบทความได้ง่าย อย่าลืมติดตามกันนะคะ
เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง