ตลาด
แพลตฟอร์ม
บัญชี
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
การแข่งขัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือ
Trading
เขียนโดย Itsariya Doungnet
อัปเดตแล้ว 17 พฤศจิกายน 2025
สารบัญ
หากคุณเคยสงสัยว่า ทำไมตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคหรือ CPI ถึงเป็นข้อมูลเศรษฐกิจที่นักลงทุนในตลาด Forex ให้ความสำคัญมาก นั่นเป็นเพราะ CPI คือ ดัชนีที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน
การเข้าใจว่า CPI คือ ข้อมูลแบบไหนและส่งผลต่อราคาสกุลเงินอย่างไร จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถวางกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับ CPI คืออะไร พร้อมทั้งอธิบายผลกระทบของดัชนีราคาผู้บริโภคที่มีต่อการเคลื่อนไหวของตลาด Forex อย่างละเอียด
สาระสำคัญ
CPI คือ ดัชนีวัดการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการในตะกร้าผู้บริโภค
CPI ใช้สำหรับวางนโยบายการเงิน ปรับค่าจ้าง และวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจ
CPI มีผลต่อความผันผวนของค่าเงินในตลาด Forex โดยเฉพาะสกุลเงินหลัก
ควรระวังไม่เทรดทันทีหลังประกาศ CPI และบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม
ทอลองใช้บัญชีเดโม่โดยไม่มีความเสี่ยง
ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
Consumer Price Index หรือ CPI คือ ดัชนีราคาผู้บริโภค ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการ ที่ผู้บริโภคทั่วไปซื้อในช่วงเวลาหนึ่ง โดยเปรียบเทียบราคาปัจจุบันกับราคาฐาน เพื่อดูว่าราคาสินค้าและบริการนั้น เพิ่มขึ้นหรือลดลงในช่วงเวลานั้น
ดัชนีราคาผู้บริโภคไทย มีความสำคัญเพราะใช้เป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งช่วยให้รัฐบาลและธนาคารกลางสามารถวางนโยบายทางเศรษฐกิจได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ CPI ยังถูกนำมาใช้ในการปรับค่าแรง ค่าจ้างบำนาญ หรือเงินชดเชยต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพของประชาชนในแต่ละช่วงเวลาอีกด้วย
ประเภทของ CPI สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ Headline CPI, Core CPI, CPI y/y และ CPI m/m โดยมีรายละเอียดดังนี้
Headline CPI หรือ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป คือ ดัชนีที่รวมราคาสินค้าและบริการทุกประเภทที่ผู้บริโภคใช้จ่าย เช่น อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ค่าพลังงาน และบริการต่าง ๆ
ซึ่งสะท้อนภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจทั้งหมด ตัวเลขนี้มักถูกใช้เป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่กว้างที่สุดและมักจะมีความผันผวนจากราคาสินค้ากลุ่มพลังงานและอาหารซึ่งมีราคาที่เปลี่ยนแปลงบ่อย
Core CPI หรือ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน เป็นดัชนีราคาที่ตัดสินค้ากลุ่มที่มีความผันผวนสูง เช่น ราคาพลังงานและอาหารออก เพื่อช่วยให้มองเห็นแนวโน้มเงินเฟ้อที่แท้จริงมากขึ้น โดยไม่ถูกกระทบจากความผันผวนชั่วคราวของราคาสินค้าเหล่านี้ ตัวเลข Core CPI จึงเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับธนาคารกลางและนักวิเคราะห์เศรษฐกิจในการกำหนดนโยบายการเงินและคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจระยะยาว
CPI y/y (Year-over-Year) คือ การเปรียบเทียบระดับราคาสินค้าและบริการในช่วงเดือนหรือไตรมาสหนึ่งของปีปัจจุบันกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา วิธีนี้ช่วยให้เห็นภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการในระยะยาว และเป็นตัวชี้วัดที่ใช้วัดอัตราเงินเฟ้อแบบรายปี ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่รัฐบาลและนักลงทุนใช้ติดตามสภาพเศรษฐกิจ
CPI m/m (Month-over-Month) คือ การเปรียบเทียบระดับราคาสินค้าและบริการในเดือนปัจจุบันกับเดือนก่อนหน้า วิธีนี้ใช้เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าในระยะสั้นและความผันผวนของตลาดอย่างรวดเร็ว ข้อมูล CPI m/m เป็นประโยชน์สำหรับนักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ที่ต้องการติดตามสถานการณ์เงินเฟ้อและผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของตลาดในแต่ละเดือน
CPI และ Core CPI คือ ดัชนีที่ใช้วัดเงินเฟ้อ แต่ Core CPI ตัดหมวดอาหารและพลังงานออก เพื่อติดตามแนวโน้มราคาที่แท้จริง อ่านต่อเพื่อทำความเข้าใจความแตกต่างและความสำคัญของทั้งสองดัชนี
CPI (Consumer Price Index)
Core CPI
ดัชนีราคาผู้บริโภครวมทุกหมวดสินค้าและบริการ
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่ตัดหมวดอาหารและพลังงานออก
สินค้าหลัก คือ อาหาร, พลังงาน, ที่อยู่อาศัย, เสื้อผ้า, บริการ และอื่นๆ
รวมสินค้าและบริการทุกอย่าง ยกเว้นอาหารและพลังงาน
สะท้อนราคาทุกประเภทที่ผู้บริโภคจ่ายจริง
แสดงแนวโน้มเงินเฟ้อที่แท้จริงและมีเสถียรภาพมากกว่า
สูง เพราะรวมราคาสินค้าที่เปลี่ยนแปลงบ่อย
ต่ำ เพราะตัดสินค้าราคาผันผวนสูงออกไป
ใช้วัดเงินเฟ้อทั่วไปและปรับค่าจ้าง, สวัสดิการ
ใช้วิเคราะห์นโยบายการเงินและแนวโน้มเงินเฟ้อระยะยาว
เราจะนำเสนอสูตรพื้นฐานสำหรับการคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งในแต่ละประเทศจะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงและอาจมีการปรับแต่งสูตรให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละประเทศ แต่หลักการพื้นฐานมีดังนี้
คำนวณโดยการเปรียบเทียบระดับ CPI ปัจจุบันกับ CPI ของปีที่แล้ว เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงระดับราคาสินค้าและบริการในช่วงเวลา 1 ปี
หลังจากได้ค่า CPI รายปีแล้ว สามารถนำไปคำนวณอัตราเงินเฟ้อ หรือการเปลี่ยนแปลงระดับราคาสินค้าและบริการในช่วงเวลาที่สนใจ โดยทั่วไปนิยมวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งสามารถคำนวณได้ทั้งรายเดือนหรือรายปี โดยใช้สูตรดังนี้
หลังจากคำนวณค่า CPI ออกมาแล้ว ผลลัพธ์สามารถเป็นได้ทั้งค่าบวก (+) และค่าลบ (-) ซึ่งแต่ละค่าแสดงถึงทิศทางการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการในภาพรวม ดังนี้
เมื่อค่า CPI มีค่าเป็นบวก แสดงว่าราคาสินค้าและบริการโดยรวมสูงขึ้นจากช่วงเวลาอ้างอิง นั่นหมายความว่า ราคาสินค้าแพงขึ้น หรือที่เรียกกันว่าเงินเฟ้อกำลังเกิดขึ้น
ผลกระทบที่ตามมา
กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง เพราะเงินที่มีเท่าเดิมแต่ของแพงขึ้น
เป็นสัญญาณเตือนว่าเศรษฐกิจกำลังเจอแรงกดดันจากเงินเฟ้อ
ธนาคารกลางอาจต้องใช้นโยบายเข้มงวด เช่น การปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อชะลอการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า
ถ้าค่า CPI มีค่าเป็นลบ แสดงว่าราคาสินค้าและบริการโดยรวมลดลงจากช่วงเวลาอ้างอิง หรือเกิดภาวะเงินฝืด ราคาสินค้าถูกลง
กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น เพราะเงินที่มีสามารถซื้อของได้มากขึ้น
บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอาจชะลอตัว เพราะราคาลดลงอาจทำให้ธุรกิจรายได้ลดลง
ธนาคารกลางอาจต้องใช้นโยบายผ่อนคลาย เช่น ลดดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
CPI มีประโยชน์หลายอย่างที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการตัดสินใจของหน่วยงานต่าง ๆ เรามาอ่านต่อกันว่าประโยชน์เหล่านั้นมีอะไรบ้าง
CPI เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ธนาคารกลางใช้ติดตามอัตราเงินเฟ้อ เพื่อกำหนดนโยบายการเงิน เช่น การปรับขึ้น-ลงของอัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมไม่ให้เงินเฟ้อสูงเกินไปหรือตกต่ำจนเกิดภาวะเงินฝืด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวม
องค์กรและรัฐบาลมักนำ CPI มาใช้เป็นเกณฑ์ในการปรับค่าจ้าง สวัสดิการ หรือเงินบำนาญ เพื่อให้ค่าครองชีพของประชาชนสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการ ช่วยรักษาคุณภาพชีวิตและกำลังซื้อให้คงที่
นักวิเคราะห์และนักลงทุนใช้ CPI เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจ เช่น การคาดการณ์ทิศทางอัตราเงินเฟ้อ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย หรือการเคลื่อนไหวของตลาดทุน ทำให้สามารถวางแผนและตัดสินใจทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
CPI ถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับนักเทรด Forex เพราะสะท้อนถึงอัตราเงินเฟ้อในประเทศ หาก CPI สูงกว่าคาดการณ์ แสดงว่าเงินเฟ้อกำลังเพิ่มขึ้น ธนาคารกลางอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดเงินเฟ้อ ส่งผลให้สกุลเงินของประเทศนั้นแข็งค่าขึ้น ในทางกลับกัน
หาก CPI ต่ำหรือเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด อาจทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง สกุลเงินจึงมีโอกาสอ่อนค่าลง นักเทรดจึงใช้ข้อมูล CPI เพื่อคาดการณ์ทิศทางนโยบายการเงินและเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน ช่วยในการตัดสินใจซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
เวลาติดตามข่าว CPI ในตลาด Forex จะมีข้อมูลสำคัญที่ควรสังเกตอยู่ 3 อย่าง คือ
ฟีเจอร์
ความหมาย
Actual
ตัวเลข CPI ที่ประกาศออกมา ณ เวลานั้น
Forecast
ตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
Previous
ตัวเลข CPI ที่ประกาศในช่วงเวลาก่อนหน้า
ทั่วไปนักลงทุนจะนำตัวเลขจริง (Actual) มาเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ (Forecast) เพื่อประเมินว่าตลาดจะตอบสนองอย่างไร
ถ้า Actual สูงกว่า Forecast หมายถึง ราคาสินค้าและบริการปรับตัวขึ้นมากกว่าที่คาด ทำให้ตลาดอาจเกิดความผันผวนและส่งผลต่อค่าเงิน
ถ้า Actual ต่ำกว่า Forecast หมายถึง ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด ซึ่งอาจทำให้ตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้าม
นักเทรด Forex มักใช้ข้อมูล CPI เพื่อคาดการณ์ทิศทางของนโยบายการเงิน และหาจังหวะเข้า-ออกตลาดตามความเคลื่อนไหวของเงินเฟ้อและค่าเงิน โดยสามารถวิเคราะห์และใช้งานข้อมูล CPI ได้ตามขั้นตอนเหล่านี้:
การรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการประกาศ CPI เมื่อใดเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะ CPI ของสหรัฐฯ ซึ่งมักสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับคู่เงินที่มี USD เป็นส่วนประกอบ เช่น EUR/USD หรือ GBP/USD คุณสามารถติดตามกำหนดการประกาศได้จากเว็บไซต์ข่าวเศรษฐกิจ ที่อัปเดตเวลาจริง เพื่อเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนตลาดเคลื่อนไหวแรง
ตลาด Forex มักตอบสนองต่อ “ความต่าง” ระหว่างตัวเลขจริง (Actual) กับตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ (Forecast) คำว่า “CPI สูงกว่าคาด” หรือ “CPI ต่ำกว่าคาด” เป็นประเด็นสำคัญที่เทรดเดอร์ใช้วิเคราะห์แนวโน้มตลาด Forex
หาก CPI สูงกว่าคาด > บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น > ตลาดคาดว่าธนาคารกลางอาจขึ้นดอกเบี้ย > สกุลเงินแข็งค่าขึ้น
หาก CPI ต่ำกว่าคาด > เงินเฟ้อลดลงหรืออ่อนแรง > อาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ย > สกุลเงินอ่อนค่า
แม้ CPI จะเป็นข้อมูลพื้นฐาน แต่การใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิค เช่น แนวรับ-แนวต้าน MACD หรือ RSI จะช่วยยืนยันจุดเข้าออกได้แม่นยำยิ่งขึ้น หากคาดว่า CPI จะทำให้ USD แข็งค่า อาจรอจังหวะเข้าตามแนวโน้ม และวางแผน Entry, Stop Loss และ Take Profit ล่วงหน้าให้สอดคล้องกับโซนเทคนิคบนกราฟ
ช่วง 5–15 นาทีหลังการประกาศตัวเลข CPI มักเป็นช่วงที่ตลาด Forex ผันผวนอย่างรุนแรง ราคาอาจสวิงแรงทั้งสองทางก่อนจะเคลื่อนไหวตามแนวโน้มจริง ซึ่งอาจทำให้เทรดเดอร์เข้าออเดอร์ผิดจังหวะหรือโดนตัดขาดทุนโดยไม่จำเป็น
ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเข้าออเดอร์ทันทีหลังข่าว และรอให้ตลาดเริ่มนิ่งหรือ “เลือกทิศทาง” ก่อนเสมอ นอกจากนี้ ควรใช้ Stop Loss ทุกครั้ง และลดขนาด Lot เพื่อลดความเสี่ยง หากยังไม่มีประสบการณ์มากพอ ควรหลีกเลี่ยงการเทรดช่วงข่าวไปก่อน
แม้ว่า CPI หรือ ดัชนีราคาผู้บริโภค จะเป็นเครื่องมือวิเคราะห์เงินเฟ้อที่ได้รับความนิยม แต่การใช้งานก็มีข้อจำกัดที่ควรตระหนัก เพื่อหลีกเลี่ยงการวิเคราะห์คลาดเคลื่อน ดังนี้:
CPI สะท้อนการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการในอดีต ซึ่งหมายความว่าตัวเลข CPI ที่ประกาศออกมามักจะเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์จริงที่ส่งผลต่อราคาแล้ว ทำให้ CPI ไม่สามารถใช้ทำนายหรือสะท้อนสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันแบบเรียลไทม์ได้ จึงต้องใช้ควบคู่กับดัชนีอื่นๆ เพื่อการวิเคราะห์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น
ตะกร้าสินค้าผู้บริโภคที่ใช้ในการคำนวณ CPI เป็นการรวบรวมราคาสินค้าและบริการทั่วไปที่ประชากรส่วนใหญ่ใช้ แต่ไม่สามารถสะท้อนพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มคนที่มีรายได้แตกต่างกัน หรือพื้นที่ที่มีค่าครองชีพต่างกันได้ เช่น ราคาสินค้าในเมืองใหญ่กับชนบทอาจแตกต่างกันมาก ดังนั้น CPI จึงเป็นภาพรวมระดับชาติเท่านั้น
หน่วยงานที่รับผิดชอบ การคำนวณ CPI อาจมีการเปลี่ยนแปลงรายการสินค้าและบริการในตะกร้า รวมถึงการปรับน้ำหนักสัดส่วนของสินค้าตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ตัวเลข CPI มีความทันสมัย แต่ข้อจำกัด คือ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ การเปรียบเทียบตัวเลข CPI ในช่วงเวลาต่างๆ ไม่สอดคล้องกันเต็มที่ ส่งผลให้ต้องตีความผลลัพธ์อย่างระมัดระวัง
CPI วัดการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการ ที่ผู้บริโภคจ่ายจริง แต่ไม่ได้รวมราคาสินทรัพย์ เช่น ราคาบ้าน ที่ดิน หุ้น หรือ ทองคำ ซึ่งในหลายครั้งราคาสินทรัพย์เหล่านี้ มีผลกระทบของ CPI อย่างมากต่อภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโดยรวม เช่น ราคาบ้านที่สูงขึ้นอาจทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นแม้ CPI จะยังไม่สะท้อน
CPI วัดราคาที่ผู้บริโภคจ่าย แต่ไม่สะท้อนต้นทุนของผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการ ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนหน้า ซึ่งส่งผลต่อการปรับราคาสินค้าในอนาคต เช่น ราคาวัตถุดิบหรือค่าขนส่งที่สูงขึ้นอาจยังไม่สะท้อนใน CPI ทันที แต่จะส่งผลต่อราคาขายในช่วงถัดไป
CPI คือ ตัวชี้วัดสำคัญที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจ ซึ่งสะท้อน ภาวะเงินเฟ้อ และ ส่งผลต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคล รัฐบาล และธุรกิจ ความเข้าใจใน CPI จึงช่วยให้เราประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจได้ดีขึ้น
รวมถึงเป็นข้อมูลสำคัญที่นักเทรด Forex ใช้ติดตามเพื่อวางกลยุทธ์การลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การติดตามตัวเลข CPI อย่างใกล้ชิดจะช่วยเพิ่มโอกาสใน การคาดการณ์ทิศทางของสกุลเงิน และ สร้างความสำเร็จในการเทรดได้มากขึ้น
พร้อมสำหรับก้าวต่อไปในการซื้อขายหรือยัง?
เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย
ช่วงเวลาหลังการประกาศ CPI ตลาดการเงินและ Forex มักจะมีความผันผวนแรง เพราะนักลงทุนเทรดตามข่าว ทำให้ราคาสินทรัพย์อาจแกว่งขึ้นลงเร็วในระยะสั้น
ค่า CPI หมายความว่า ราคาสินค้าและบริการโดยรวมในตะกร้าผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น เงินมีมูลค่าน้อยลง หรือค่าครองชีพสูงขึ้น
CPI คือ หนึ่งในตัวชี้วัดหลักของอัตราเงินเฟ้อ ถ้า CPI เพิ่มขึ้น แสดงว่าราคาสินค้าและบริการโดยรวมสูงขึ้น หมายความว่าเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ค่าของเงินลดลง
CPI ส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางกำหนด, การปรับค่าจ้างและสวัสดิการ, การประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจ และทิศทางของตลาดทุนและตลาดเงินทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ
CPI คือ หนึ่งในตัวชี้วัดเงินเฟ้อ ส่วนเงินเฟ้อ คือ ภาพรวมของการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจ
Itsariya Doungnet
SEO Content Writer
อิสสริยา ดวงเนตร เป็นนักเขียนคอนเท้นต์ SEO ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เชี่ยวชาญด้านการให้ความรู้ เรื่องตลาดเทรด และ การลงทุน เน้นสไตล์การเขียนที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย และเนื้อหาความรู้จัดเต็ม พร้อมกับการผสมผสานเทคนิค SEO ที่ช่วยให้ผู้อ่านค้นหาบทความได้ง่าย อย่าลืมติดตามกันนะคะ
เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง