ตลาด
แพลตฟอร์ม
บัญชี
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
การแข่งขัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือการเทรด
แหล่งข้อมูล
หุ้น
เขียนโดย Itsariya Doungnet
อัปเดตแล้ว 26 พฤศจิกายน 2025
สารบัญ
Equity คือ มูลค่าที่แท้จริง ซึ่งเป็นของเจ้าของธุรกิจหรือนักลงทุน หลังจากหักหนี้สินทั้งหมดออกไปแล้ว หรือพูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้น คือ ทรัพย์สินสุทธิที่เป็นของเราอย่างแท้จริง
การรู้จัก Equity จะช่วยให้คุณประเมินสุขภาพของบริษัทได้แม่นยำ วางแผนการลงทุนชัดเจนขึ้น รวมถึงรู้สถานะของพอร์ตเทรดว่ามีกำไรหรือกำลังเสี่ยงอยู่แค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน หุ้น กองทุน คริปโต หรือเทรดเดอร์ Forex ก็ล้วนต้องเกี่ยวข้องกับ Equity ทั้งสิ้น อ่านต่อเลย
สาระสำคัญ
Equity คือ มูลค่าที่แท้จริงของเจ้าของ ซึ่งคำนวณจากสินทรัพย์ทั้งหมดหักด้วยหนี้สิน ทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วเรามีทรัพย์สินสุทธิเท่าไหร่
Equity ช่วยประเมินสุขภาพธุรกิจ ว่าบริษัทมีฐานะการเงินมั่นคง มีความสามารถในการชำระหนี้ และพร้อมเติบโตในระยะยาวหรือไม่
เทรดเดอร์ใช้ Equity วัดความปลอดภัยของพอร์ต เพื่อดูว่าพอร์ตลงทุนมีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด และช่วยวางกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงได้เหมาะสม
การคำนวณ Equity ทำให้การตัดสินใจลงทุนแม่นยำขึ้น เพราะช่วยเห็นภาพรวมของสินทรัพย์และหนี้สินทั้งหมด ทำให้วางแผนการลงทุนและปรับพอร์ตได้รอบคอบยิ่งขึ้น
ทอลองใช้บัญชีเดโม่โดยไม่มีความเสี่ยง
ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
Equity คือ มูลค่าความเป็นเจ้าของในกิจการ หรือส่วนที่เหลือหลังจากนำสินทรัพย์ไปหักหนี้สินออก
อีกมุมมองหนึ่งก็คือ Equity คือมูลค่าที่เจ้าของได้รับจริง หลังจากชำระหนี้สินทั้งหมดแล้ว นั่นคือทรัพย์สินสุทธิที่เป็นของผู้ถือหุ้น หรือที่เรียกว่า ส่วนของผู้ถือหุ้นคืออะไร
Equity มีบทบาทสำคัญทั้งในบัญชี การลงทุน และการบริหารธุรกิจ เพราะช่วยวัดฐานะการเงินของบริษัทหรือพอร์ตลงทุน และทำให้นักลงทุนสามารถเข้าใจความเสี่ยงและมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ได้ การทำความเข้าใจว่า equity คืออะไร จึงเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการวิเคราะห์ทางการเงิน
มาดูกันว่า Equity สำคัญอย่างไรสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ และทำไมการทำความเข้าใจ Equity จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมมูลค่าและสุขภาพทางการเงินของบริษัทหรือพอร์ตลงทุน
Equity คือ ส่วนของเจ้าของในสินทรัพย์หลังจากหักหนี้สิน เปรียบเหมือนส่วนที่เหลืออยู่หลังจากจ่ายหนี้ทั้งหมด การรู้ค่า Equity ทำให้เห็นมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทและประเมินแนวโน้มการเติบโตในอนาคตได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังสามารถเปรียบเทียบบริษัทกับคู่แข่ง เพื่อดูจุดแข็ง จุดอ่อน และโอกาสทางธุรกิจ ทำให้เจ้าของกิจการและนักลงทุนตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลสนับสนุน
Equity สูงแสดงถึงความมั่นคงทางการเงิน เพราะสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน และธุรกิจยังมี “ตัวรองรับ” หากเกิดความเสี่ยงหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน นักลงทุนมอง Equity เป็นสัญญาณว่าบริษัทมีความปลอดภัย ส่วนเจ้าของกิจการสามารถใช้ข้อมูลนี้วางแผนบริหารเงินทุน จัดสรรกำไร และตัดสินใจลงทุนในโครงการใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Equity เป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าหุ้นตัวใดมีราคาสูงหรือต่ำเกินไป หุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่า Equity อาจเป็นโอกาสลงทุนที่ดี ขณะที่หุ้นที่สูงเกินไปอาจมีความเสี่ยง การเข้าใจ Equity ทำให้การตัดสินใจลงทุนมีข้อมูลสนับสนุนและมีความแม่นยำมากขึ้น ลดการตัดสินใจด้วยความรู้สึกหรือความคาดเดา
Equity เป็นส่วนสำคัญในการอ่านงบการเงิน เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์และหนี้สิน จะเห็นภาพรวมของความมั่นคงทางการเงิน ความสามารถในการทำกำไร และการจัดการหนี้สิน การติดตามการเปลี่ยนแปลงของ Equity ช่วยให้ผู้ลงทุนและเจ้าของกิจการวางแผนบริหารเงินทุน ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ และจัดการความเสี่ยงได้ตรงจุด
Equity แสดงถึงความแข็งแรงทางการเงินว่า มีตัวรองรับเพียงพอหรือไม่ ทำให้ผู้เริ่มต้นลงทุนเข้าใจความเสี่ยงและสามารถวางแผนบริหารพอร์ตลงทุนหรือธุรกิจได้อย่างปลอดภัย การติดตามค่า Equity อย่างสม่ำเสมอช่วยให้มองเห็นแนวโน้มการเติบโตของบริษัทและโอกาสในการขยายธุรกิจอย่างมั่นใจ ทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการตัดสินใจด้านการเงินอย่างรอบด้าน
Equity แบบง่าย คือ ส่วนของเจ้าของที่เหลืออยู่หลังจากนำสินทรัพย์ทั้งหมดมาหักหนี้สิน ทำให้รู้ว่าบริษัทหรือพอร์ตลงทุนมีมูลค่าเท่าไหร่ที่เป็นของเจ้าของจริง
ตัวอย่างเช่น บริษัทมีทรัพย์สินรวม 1,000,000 บาท และหนี้สิน 400,000 บาท ส่วน ความหมาย equity ก็คือ 600,000 บาท ส่วนนี้สามารถใช้วางแผนลงทุนหรือขยายธุรกิจได้
ก่อนจะคำนวณ หรือ วิเคราะห์ Equity การเข้าใจ ประเภทของ Equity จะช่วยให้รู้ว่า Equity ที่เรากำลังดูอยู่เกี่ยวข้องกับอะไร เพราะ Equity มีหลายแบบ ทั้งในบริษัท บ้าน หรือธุรกิจส่วนตัว
สำหรับบริษัทใหญ่ Shareholders’ Equity คือส่วนของผู้ถือหุ้นในสินทรัพย์หลังจากหนี้สินแล้ว แบ่งออกเป็นทุนจดทะเบียน กำไรสะสม และส่วนเกินทุน ความเข้าใจส่วนนี้ช่วยให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนประเมินความมั่นคงของบริษัท และเห็นว่ามีเงินทุนเพียงพอรองรับความเสี่ยงหรือไม่
Owner’s Equity ใช้ในธุรกิจ SME หรือ กิจการขนาดเล็ก แสดงถึงส่วนของเจ้าของในธุรกิจทั้งหมด รวมทุนเริ่มต้นและกำไรสะสม การติดตาม Owner’s Equity ช่วยเจ้าของกิจการวางแผนการลงทุน การจ่ายเงินปันผล และการขยายธุรกิจได้อย่างเป็นระบบ
Home Equity คือ มูลค่าที่เหลือของบ้านหลังจากหักหนี้สินที่ค้างอยู่ เช่น เงินกู้ซื้อบ้าน การรู้ค่า Home Equity ช่วยให้ตัดสินใจเรื่องการขายบ้าน รีไฟแนนซ์ หรือใช้บ้านเป็นหลักประกันทางการเงิน การติดตาม Home Equity เป็นวิธีหนึ่งในการวางแผนการเงินส่วนบุคคล และประเมินสินทรัพย์รวมของตัวเอง
Market Equity คือ มูลค่าตามที่นักลงทุนประเมินในตลาดหุ้น คำนวณจากราคาหุ้นคูณจำนวนหุ้น การเข้าใจ Market Equity ช่วยให้นักลงทุนเปรียบเทียบบริษัทกับคู่แข่ง วิเคราะห์ความเสี่ยง และวางแผนลงทุนอย่างมีข้อมูลสนับสนุน Market Equity ยังสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อบริษัท และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น
หลังจากรู้ประเภท Equity การคำนวณตัวเลขจะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น สูตรพื้นฐาน ใช้ได้กับหลายกรณี
Equity = สินทรัพย์รวม - หนี้สินรวม
อธิบายตัวแปร:
สินทรัพย์ คือ ทรัพย์สินทั้งหมด เช่น เงินสด บ้าน เครื่องจักร
หนี้สิน คือ ภาระที่ต้องจ่าย เช่น เงินกู้ เจ้าหนี้
การลบหนี้สินออกเพราะ Equity คือส่วนที่เหลือของเจ้าของหลังชำระหนี้
สูตร Equity อื่น ๆ:
Home Equity = มูลค่าบ้าน - หนี้บ้าน
Market Equity = ราคาหุ้น × จำนวนหุ้น
การดู ตัวอย่างจริง จะช่วยให้เห็นภาพว่า Equity ทำงานอย่างไรในสถานการณ์ต่างๆ
บริษัท A: สินทรัพย์ 800,000 บาท, หนี้สิน 300,000 บาท
Equity = 500,000 บาท
หมายความว่า: หลังจ่ายหนี้แล้ว เจ้าของยังมีส่วนของบริษัทอยู่ 500,000 บาท
ร้านค้า SME: เจ้าของลงทุน 100,000 บาท, กู้เงิน 50,000 บาท
Equity = 50,000 บาท
หมายความว่า: เจ้าของยังมีส่วนของกิจการที่เป็นของตนเอง 50,000 บาท
บ้าน: บ้านมูลค่า 2,000,000 บาท, หนี้บ้าน 1,200,000 บาท
Home Equity = 800,000 บาท
หมายความว่า: ถ้าขายบ้านแล้วจ่ายหนี้ จะเหลือเงิน 800,000 บาท
Market Equity: หุ้น 1,000,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 50 บาท
Market Equity = 50,000,000 บาท
หมายความว่า: แสดงมูลค่าที่นักลงทุนประเมินบริษัทในตลาด
Equity เป็นตัวเลขสำคัญที่นักลงทุนและเทรดเดอร์ต้องเข้าใจ เพราะช่วยประเมินมูลค่าบริษัทและวางกลยุทธ์ลงทุนได้อย่างมั่นใจ
Equity แสดงถึงส่วนของเจ้าของหลังหักหนี้สิน จำนวน Equity สูงบ่งบอกว่าบริษัทมีฐานะมั่นคงและมีทรัพย์สินรองรับหนี้ การติดตามตัวเลขนี้ช่วยนักลงทุนประเมินความแข็งแรงของบริษัทและความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว
นักลงทุนมักเปรียบเทียบ Equity หุ้น กับ Equity เพื่อดูว่าหุ้นมีมูลค่าสูงหรือต่ำ หุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่า Equity อาจเป็นโอกาสในการลงทุน ขณะที่หุ้นที่สูงเกินไปอาจมีความเสี่ยง การเข้าใจความสัมพันธ์นี้ช่วยให้ตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูลสนับสนุน
สำหรับเทรดเดอร์ Equity การเทรด คือ ยอดเงินรวมในพอร์ตหลังรวมกำไรขาดทุน จากการเปิดออร์เดอร์ทั้งหมด ตัวเลขนี้ช่วยวัดความแข็งแรงของพอร์ตและดูว่ามีพลังงานพอสำหรับเปิดออร์เดอร์ใหม่หรือไม่
การติดตาม Equity นักลงทุน ในบัญชีเทรดช่วยกำหนดกลยุทธ์ เช่น ปรับขนาดสัญญา เปิด/ปิดออร์เดอร์ และจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสม เทรดเดอร์สามารถปรับพอร์ตตามสภาพตลาดและรักษาระดับความปลอดภัยของเงินทุน
Equity เป็นตัวเลขหลักในการคำนวณ Margin, Leverage และ Free Margin
Margin: เงินที่ต้องใช้ในการเปิดออร์เดอร์
Leverage: อัตราส่วนการยืมเงินเพื่อเทรด
Free Margin: เงินที่เหลือใช้เปิดออร์เดอร์ใหม่
สำหรับนักลงทุนและผู้สนใจการเงิน บางครั้งอาจสับสนระหว่าง Equity vs Book Value ทั้งสองมีความสัมพันธ์แต่ใช้งานต่างกัน เรามาดูภาพรวมแบบเข้าใจง่ายกัน
ตารางเปรียบเทียบ Equity กับ Book Value
ความแตกต่าง
Equity
Book Value
ความหมาย
ส่วนของเจ้าของหลังหักหนี้สินทั้งหมด
มูลค่าบริษัทที่ถูกบันทึกไว้ในงบการเงิน
การใช้งาน
การลงทุน, การติดตามสุขภาพบริษัท
การประเมินมูลค่าหุ้น, การตรวจสอบงบการเงิน
ตัวอย่าง
บริษัทมีทรัพย์สิน 1,000,000 หนี้สิน 400,000: Equity = 600,000
มูลค่าตามบัญชีคือยอดรวมสินทรัพย์ - หนี้สินตามบันทึกบัญชี
การเข้าใจ ความแตกต่าง equity ช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินหุ้นหรือบริษัทได้รอบด้าน ไม่ว่าจะดูมูลค่าตามบัญชีหรือมูลค่าที่แท้จริง
Equity คือ มูลค่าความเป็นเจ้าของของบริษัท หรือ พอร์ตลงทุน หลังจากหักหนี้สินแล้ว และสามารถคำนวณได้จากสินทรัพย์รวมลบหนี้สินรวม ทำให้เห็นภาพสุขภาพทางการเงินอย่างชัดเจน ซึ่งมีความสำคัญในการวิเคราะห์หุ้น และงบการเงิน เพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจอย่างมั่นใจ มือใหม่ควรเข้าใจแนวคิดนี้ เพราะเป็นเครื่องมือที่ใช้บ่อยทั้งในการบริหารธุรกิจ การเทรด และ การจัดการพอร์ต
พร้อมสำหรับก้าวต่อไปในการซื้อขายหรือยัง?
เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย
Equity คือ มูลค่าความเป็นเจ้าของของบริษัทหรือพอร์ตลงทุน หลังจากหักหนี้สินทั้งหมดแล้ว เปรียบเหมือนส่วนที่ “เหลืออยู่” ของเจ้าของ
Equity คือ มูลค่ารวมของเจ้าของทั้งหมด ส่วนกำไรคือรายได้ที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายในช่วงเวลาหนึ่ง Equity จะเปลี่ยนแปลงตามกำไรสะสมหรือขาดทุนสะสม
สูตรพื้นฐานคือ Equity = สินทรัพย์รวม - หนี้สินรวม แค่เอาสินทรัพย์ทั้งหมดลบหนี้สินทั้งหมด ก็ได้มูลค่าความเป็นเจ้าของ
ได้ครับ ในการเทรด Equity แสดงยอดเงินในพอร์ตรวมกับกำไร-ขาดทุน การติดตาม Equity ช่วยวางกลยุทธ์และควบคุมความเสี่ยง เช่น การใช้ Margin และ Leverage
นักลงทุนใช้ Equity ประเมินมูลค่าบริษัทเปรียบเทียบกับราคาหุ้น เพื่อดูว่าหุ้นถูกหรือแพง และใช้ติดตามสุขภาพทางการเงินของบริษัท
Equity แบ่งเป็นหลายประเภท เช่น Shareholders’ Equity สำหรับบริษัทมหาชน, Owner’s Equity สำหรับธุรกิจ SME, Home Equity สำหรับบ้าน และ Market Equity ตามราคาตลาดของบริษัท
Itsariya Doungnet
SEO Content Writer
อิสสริยา ดวงเนตร เป็นนักเขียนคอนเท้นต์ SEO ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เชี่ยวชาญด้านการให้ความรู้ เรื่องตลาดเทรด และ การลงทุน เน้นสไตล์การเขียนที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย และเนื้อหาความรู้จัดเต็ม พร้อมกับการผสมผสานเทคนิค SEO ที่ช่วยให้ผู้อ่านค้นหาบทความได้ง่าย อย่าลืมติดตามกันนะคะ
เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง