Logo

ฟอเร็กซ์

เทคนิคการใช้ TTM Squeeze สำหรับกลยุทธ์การเทรดในการสร้างผลกำไร

เขียนโดย XS Editorial Team

อัปเดตแล้ว 4 ตุลาคม 2024

ttm-squeeze
สารบัญ

    ทอลองใช้บัญชีเดโม่โดยไม่มีความเสี่ยง

    ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ

    เปิดบัญชีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

    TTM Squeeze เป็นตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่ออกแบบมาเพื่อระบุโอกาสในการทะลุแนวโดยการวัดความผันผวนและโมเมนตัมของตลาด

    ในบทความนี้เราจะสำรวจระบบการเทรดด้วยเทคนิค TTM Squeeze พูดคุยเกี่ยวกับการตั้งค่าตัวบ่งชี้ TTM Squeeze ที่หลากหลายและวิธีใช้ตัวบ่งชี้นี้ในการเทรดของคุณ!

    สาระสำคัญ:

    • TTM Squeeze เป็นตัวบ่งชี้ที่รวม Bollinger Bands และ Keltner Channels เพื่อช่วยให้นักเทรดสังเกตช่วงเวลาที่มีความผันผวนต่ำและโอกาสในการทะลุแนว

    • ตัวบ่งชี้นี้สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในกรอบเวลาต่างๆ และกลยุทธ์การเทรดหลายรูปแบบ ตั้งแต่กลยุทธ์ตามแนวโน้ม กลยุทธ์กลับตัว ไปจนถึงการเทรดในกรอบแคบ

    • ด้วยการจดจำสัญญาณที่สำคัญและการตั้งค่า TTM Squeeze อย่างเหมาะสม นักเทรดสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการเทรดและใช้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวของตลาดได้

    TTM Squeeze อินดิเคเตอร์คืออะไร?

    TTM Squeeze เป็นเครื่องมือที่ช่วยวัดความผันผวนและโมเมนตัมโดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้นักเทรดระบุช่วงเวลาที่ตลาดกำลังจะเกิดแนวทะลุหลังจากช่วงที่เคลื่อนไหวน้อยและกำลังอยู่ในช่วงพักชะลอตัว

    ตัวชี้วัดนี้ถูกพัฒนาโดย John Carter โดยผสมผสานองค์ประกอบของ Bollinger Bands และ Keltner Channels เพื่อเน้นโอกาสในการเทรดที่มีศักยภาพ

    เมื่อ TTM Squeeze ส่งสัญญาณ "ยิง" นั่นหมายถึงตลาดมีแนวโน้มที่จะเกิดการเคลื่อนไหวของราคาที่มีนัยสำคัญทำให้เป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าสำหรับนักเทรดที่ต้องการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงนี้

    องค์ประกอบของ TTM Squeeze

    TTM Squeeze ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญหลายส่วน ได้แก่:

    • Bollinger Bands: วัดความผันผวนของตลาดโดยประกอบด้วยเส้นบนและเส้นล่างที่ล้อมรอบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

    • Keltner Channels: วัดความผันผวนเช่นกันแต่ใช้ค่า Average True Range (ATR) ซึ่งช่วยลดการแกว่งของราคา

    • Histogram: แสดงโมเมนตัมและทิศทางของการบีบตัวเมื่อฮิสโตแกรมเป็นสีแดงแสดงว่าตลาดอยู่ในช่วงบีบตัวเมื่อเปลี่ยนเป็นสีเขียวแสดงว่าส่งสัญญาณให้ "ยิง" แล้วสัญญาณบ่งบอกถึงโอกาสในการทะลุแนว

    การทำงานของ TTM Squeeze

    TTM Squeeze ทำงานโดยระบุตัวช่วงเวลาที่ความผันผวนต่ำ ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดอยู่ในเฟสสำหรับการพักชะลอตัวและเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ

    TTM Squeeze จะระบุช่วงเวลาเหล่านี้โดยสังเกตความสัมพันธ์ระหว่าง Bollinger Bands และ Keltner Channels

    เมื่อ Bollinger Bands ซึ่งวัดความผันผวนของตลาดด้วยการชี้ให้เห็นว่าราคาเบี่ยงเบนจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่มากเพียงใด และย่อตัวเข้ามาภายใน Keltner Channels ซึ่งวัดความผันผวนตามค่า Average True Range (ATR) จะระบุสภาพที่เรียกว่า "การบีบตัว"

    สภาวะการบีบตัวนี้บ่งชี้ว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงที่ความผันผวนลดลงและมีการพักชะลอตัว

    ฮิสโตแกรมของ TTM Squeeze มีบทบาทสำคัญในการระบุช่วงเวลาเหล่านี้

    เมื่อฮิสโตแกรมเป็นสีแดงหมายความว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงการบีบตัว ซึ่งเป็นช่วงที่ความผันผวนต่ำและการเคลื่อนไหวของราคาถูกจำกัด

    เมื่อฮิสโตแกรมเปลี่ยนเป็นสีเขียวหมายถึงการบีบตัวได้ "ยิง" แล้ว บ่งชี้ว่าตลาดมีแนวโน้มจะเกิดการ ทะลุแนวและเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

    การตั้งค่า TTM Squeeze Indicator

    ในการตั้งค่า TTM Squeeze ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้:

    1. เลือกแพลตฟอร์มการเทรด: เลือกแพลตฟอร์ม ที่รองรับ TTM Squeeze เช่น Thinkorswim, TradingView หรือ MetaTrader

    2. เพิ่มตัวชี้วัดลงในกราฟ: ไปที่ห้องสมุดตัวชี้วัดของแพลตฟอร์มและเพิ่ม TTM Squeeze ลงในกราฟของคุณ

    3. ปรับแต่งการตั้งค่า: คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ โดยการตั้งค่าทั่วไปคือ Bollinger Bands ที่มีช่วง 20 แท่งเทียน และ Keltner Channels ที่ 1.5 เท่า

    การระบุสัญญาณการเทรดด้วย TTM Squeeze

    การระบุสัญญาณการเทรดกับ TTM Squeeze ประกอบด้วย:

    1. การระบุสภาพการบีบตัว: มองหาช่วงเวลาที่ Bollinger Bands ย่อตัวเข้ามาภายใน Keltner Channels ซึ่งบ่งชี้สภาพการบีบตัว

    2. การตีความสีของฮิสโตแกรม: ให้ความสำคัญกับสีของฮิสโตแกรม สีแดงบ่งบอกการบีบตัวส่วนสีเขียวบ่งบอกว่าการบีบตัวได้ยิงแล้วและมีโอกาสเกิดการทะลุแนว

    3. การยืนยันแนวทะลุ: ใช้ตัวชี้วัดเพิ่มเติม เช่น ปริมาณการซื้อขายหรือเส้นแนวโน้ม เพื่อยืนยันการ ทะลุแนวและเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ

    การพัฒนากลยุทธ์การเทรดด้วยการสร้างผลกำไร

    การพัฒนากลยุทธ์การเทรดด้วยการสร้างผลกำไรโดยใช้ TTM Squeeze เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากความสามารถของตัวชี้วัดในการส่งสัญญาณการทะลุแนวและการเคลื่อนไหวของตลาดที่อาจเกิดขึ้น

    กลยุทธ์ตามแนวโน้ม

    กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มโดยใช้ TTM Squeeze มุ่งเน้นไปที่การเข้าสู่การเทรดในทิศทางของแนวโน้มหลัก

    TTM Squeeze สามารถช่วยระบุ continuation patterns เมื่อแนวโน้มของตลาดชัดเจน

    เริ่มจากการระบุแนวโน้มโดยใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หรือเส้นแนวโน้ม (Trend Lines) เพื่อกำหนดทิศทางของตลาดจากนั้นเฝ้าดู TTM Squeeze เพื่อหาสัญญาณการบีบตัว โดยสังเกตจากการที่ Bollinger Bands ย่อตัวเข้ามาภายใน Keltner Channels และฮิสโตแกรมกลายเป็นสีแดง

    เมื่อฮิสโตแกรมเปลี่ยนเป็นสีเขียวและการบีบตัว "ยิง" ในทิศทางเดียวกับแนวโน้มให้เข้าสู่การเทรด

    ซึ่งแสดงว่าแนวโน้มมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไปการวางคำสั่งหยุดขาดทุน (Stop-loss) ควรตั้งไว้ต่ำกว่าระดับแนวรับล่าสุด (สำหรับแนวโน้มขาขึ้น) หรือสูงกว่าระดับแนวต้านล่าสุด (สำหรับแนวโน้มขาลง)

    กลยุทธ์การกลับตัว (Reversal Strategy)

    กลยุทธ์การกลับตัวมีเป้าหมายในการระบุการกลับตัวของตลาดโดยใช้ TTM Squeeze

    เริ่มจากการระบุสภาวะที่ซื้อมากเกินไปหรือลงทุนมากเกินไป (Overbought/Oversold) โดยใช้ตัวชี้วัดเช่น RSI หรือ Stochastics

    จากนั้นเฝ้าดู TTM Squeeze เพื่อหาสัญญาณการบีบตัวในพื้นที่ที่มีการยืดตัวมากเกินไป

    เมื่อการบีบตัวยิงไปในทิศทางตรงกันข้ามกับแนวโน้มปัจจุบัน (ฮิสโตแกรมเปลี่ยนเป็นสีเขียว) ให้เข้าสู่การเทรดโดยคาดการณ์ว่าจะเกิดการกลับตัว

    การวางคำสั่งหยุดขาดทุน (Stop-loss) ควรตั้งไว้สูงกว่าระดับสูงสุดล่าสุด (สำหรับตำแหน่งขาย) หรือต่ำกว่าระดับต่ำสุดล่าสุด (สำหรับตำแหน่งซื้อ)

    กลยุทธ์เทรดในกรอบราคา (Range-Bound Trading Strategy)

    ในตลาดที่มีการเคลื่อนไหวในกรอบราคา (Range-Bound Market) TTM Squeeze สามารถช่วยระบุการ ทะลุแนวจากระดับแนวรับและแนวต้านที่มีอยู่

    เริ่มจากการกำหนดกรอบราคาด้วยการระบุระดับแนวรับและแนวต้านหลักที่ราคามักจะดีดตัวอย่างต่อเนื่อง

    เฝ้าดู TTM Squeeze เพื่อหาสัญญาณช่วงเวลาที่มีความผันผวนต่ำภายในกรอบ

    เมื่อเกิดสภาวะการบีบตัว:

    • เข้าซื้อ (Long) ใกล้ระดับแนวรับ

    • เข้าขาย (Short) ใกล้ระดับแนวต้านโดยคาดว่าราคาจะกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ย

    TTM Squeeze vs. Bollinger Bands

    ทั้ง TTM Squeeze และ Bollinger Bands ต่างก็ใช้วัดความผันผวนของตลาด แต่ TTM Squeeze ให้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นโดยการรวม Bollinger Bands เข้ากับ Keltner Channels

    Bollinger Bands พล็อตค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานสองค่าด้านบนและด้านล่างของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย เมื่อมีความผันผวนสูงกราฟจะขยายตัวและย่อตัวเมื่อมีความผันผวนต่ำ

    มีประโยชน์ในการระบุสภาวะการซื้อมากเกินไปหรือการขายมากเกินไปและการทะลุแนวที่อาจเกิดขึ้น

    TTM Squeeze ตัวบ่งชี้นี้เน้นช่วงความผันผวนต่ำ หรือ "สภาวะบีบตัว" โดยสังเกตว่า Bollinger Bands หดตัวเข้ามาภายใน Keltner Channels

    ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดกำลังพักชะลอตัวและอาจเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เมื่อส่งสัญญาณ "ยิง" (ฮิสโตแกรมเปลี่ยนสี) นั่นหมายถึงมีโอกาสที่ตลาดจะเกิดแนวทะลุ

    TTM Squeeze vs. RSI (Relative Strength Index)

    ทั้ง TTM Squeeze และ RSI เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่มีประโยชน์แต่มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน

    RSI จะวัดโมเมนตัมของตลาดและระบุภาวะที่ซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป (Overbought/Oversold) โดยมีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 ค่า RSI ที่มากกว่า 70 บ่งชี้ภาวะซื้อมากเกินไปและน้อยกว่า 30 บ่งชี้ภาวะ ขายมากเกินไป

    นักเทรดเดอร์จะใช้ RSI เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้มและหาสัญญาณการกลับตัว

    TTM Squeeze จะเน้นไปที่ความผันผวนและการทะลุแนวโดยรวม Bollinger Bands และ Keltner Channels เพื่อหาช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนต่ำ หรือ "สภาวะบีบตัว" ที่บ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวของราคาครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น

    บทสรุป

    โดยสรุประบบการเทรดด้วย TTM Squeeze ช่วยระบุโอกาสในการทะลุแนวและพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่สร้างกำไรได้

    การเข้าใจถึงเทคนิควิธีการใช้ TTM Squeeze การตั้งค่าตัวชี้วัดอย่างถูกต้องและการสังเกตสัญญาณสำคัญจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดของคุณเข้าร่วมกับ XS วันนี้เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการเทรดของคุณ!

    คำถามที่พบบ่อย

    วิธีการ TTM Squeeze คืออะไร?

    วิธีการ TTM Squeeze เป็นกลยุทธ์การซื้อขายทางเทคนิคที่ช่วยระบุช่วงที่มีความผันผวนต่ำหรือที่เรียกว่า "สภาวะการบีบตัว" โดยใช้การรวมกันของ Bollinger Bands และ Keltner Channels

    เมื่อแถบเหล่านี้ย่อตัวภายในช่องจะส่งสัญญาณโอกาสในการเกิดการเคลื่อนไหวของราคาครั้งใหญ่กลยุทธ์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่มีนัยสำคัญหลังจากช่วงที่มีความผันผวนต่ำเหล่านี้

    กรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับ TTM Squeeze คืออะไร?

    กรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการใช้ TTM Squeeze ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของนักเทรดเดอร์

    ซึ่งสามารถใช้งานได้ดีในหลายกรอบเวลาตั้งแต่กราฟระหว่างวัน เช่น กรอบเวลา 5 นาทีหรือ 15 นาทีสำหรับนักเทรดรายวัน ไปจนถึงกราฟรายวันหรือรายสัปดาห์สำหรับนักเทรดแบบสวิงหรือนัดดเทรดแบบถือออเดอร์ การเลือกกรอบเวลาควรสอดคล้องกับแผนการซื้อขายและเป้าหมายของนักเทรด

    TTM Squeeze จะใช้เวลาได้นานแค่ไหน?

    ระยะเวลาของ TTM Squeeze สามารถแตกต่างกันได้มากอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่แท่งในกรอบเวลาสั้นๆ หรือหลายวันถึงหลายสัปดาห์ในกรอบเวลาที่ยาวขึ้น

    สภาวะการบีบตัวจะยังคงอยู่ตราบใดที่ Bollinger Bands อยู่ภายใน Keltner Channels นักเทรดเดอร์จะตรวจสอบ histogram เพื่อดูสัญญาณว่าสภาวะการบีบตัวจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่และเมื่อใดที่ราคามีแนวโน้มจะเกิดการทะลุแนว

    อัตราความสำเร็จของ TTM Squeeze คืออะไร?

    อัตราความสำเร็จของ TTM Squeeze ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและทักษะของนักเทรดเดอร์ในการตีความสัญญาณและการจัดการการเทรด

    แม้ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการระบุโอกาสในการทะลุแนว ความสำเร็จก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น การจัดการความเสี่ยง สภาพแวดล้อมตลาด และการใช้ตัวบ่งชี้ที่เสริมกัน ไม่มีตัวบ่งชี้ใดที่รับประกันความสำเร็จได้แต่ TTM Squeeze สามารถมีประสิทธิภาพสูงเมื่อใช้ได้อย่างถูกต้อง

     

    พร้อมสำหรับก้าวต่อไปในการซื้อขายหรือยัง?

    เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย

    รับสิทธิ์เข้าถึงฟรี
    สารบัญ

      เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง

      scroll top