ตลาด
แพลตฟอร์ม
บัญชี
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือ
หุ้น
เขียนโดย Itsariya Doungnet
อัปเดตแล้ว 24 ตุลาคม 2025
สารบัญ
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า yield คือ ตัวเลขที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก แต่ทำไมคำนี้ถึงมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนได้ขนาดนั้น? และทำไมในโลกของตราสารหนี้หรือการลงทุนโดยรวมถึงต้องเข้าใจเรื่องนี้ให้ดี? จริง ๆ แล้ว yield มีหลายประเภท แต่ละแบบก็ส่งผลต่อการประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับภาพรวมของ yield พร้อมวิธีคำนวณอย่างง่าย เพื่อช่วยให้การลงทุนของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สาระสำคัญ
Yield คือ ตัวเลขแสดงอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ
ประเภทของ Yield คือ Bond Yield, Rental Yield และ Yield Guarantee มีความหมายและการใช้งานแตกต่างกัน
วิธีคำนวณ Yield คือ การนำผลตอบแทนที่ได้รับมาเทียบกับเงินลงทุนทั้งหมดเป็นเปอร์เซ็นต์
Yield ช่วยเปรียบเทียบผลตอบแทน วัดความเสี่ยง และวางแผนลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
ทอลองใช้บัญชีเดโม่โดยไม่มีความเสี่ยง
ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
Yield คือ อัตราผลตอบแทนที่นักลงทุน ได้รับจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น ตราสารหนี้หรือหุ้น โดยแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์จากรายได้ที่ได้รับเทียบกับมูลค่าการลงทุน เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุน ประเมินความคุ้มค่า และ ความเสี่ยงของการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Yield ยังสะท้อนสภาพตลาด และ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบ และ ตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Yield มีหลายประเภทซึ่งเหมาะกับการลงทุนในสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน การเข้าใจประเภทของ Yield จึงช่วยให้นักลงทุนเลือกสินทรัพย์และวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Bond Yield คือ อัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนได้รับจากการถือครองพันธบัตร แสดงถึงรายได้ดอกเบี้ยที่ได้รับเทียบกับราคาพันธบัตรในตลาด Bond Yield ยังสะท้อนภาพรวมของ อัตราดอกเบี้ย และ ความเสี่ยงทางการเงิน ในตลาดตราสารหนี้
Rental Yield คือ อัตราผลตอบแทน ที่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับจากรายได้ค่าเช่า เปรียบเทียบกับมูลค่าของทรัพย์สินนั้น Yield ประเภทนี้ช่วยให้ นักลงทุนประเมิน ความคุ้มค่า และ ผลตอบแทนจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
Dividend Yield คือ เปอร์เซ็นต์ของผลตอบแทนที่นักลงทุนได้รับจากเงินปันผลเมื่อถือหุ้นตัวหนึ่งๆ เปรียบเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบัน พูดง่ายๆ คือ ถ้าคุณซื้อหุ้นไว้ คุณจะได้เงินปันผลกลับมาเท่าไรเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไป หุ้นที่มี Dividend Yield สูง มักถูกมองว่าให้ผลตอบแทนดีในแง่ของรายได้สม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ควรดูควบคู่กับความมั่นคงของกิจการด้วย ไม่ใช่ดูแค่เปอร์เซ็นต์อย่างเดียว
นักลงทุนควรรู้ความต่างระหว่าง Nominal Yield กับ Real Yield เพราะมันส่งผลต่อการประเมินผลตอบแทนที่แท้จริง ดูตารางนี้ช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นทันที
หัวข้อ
Nominal Yield
Real Yield
ความหมาย
ผลตอบแทนที่แสดงเป็นตัวเลข ไม่ปรับตามเงินเฟ้อ
ผลตอบแทนสุทธิหลังหักอัตราเงินเฟ้อแล้ว
สะท้อนมูลค่าจริงหรือไม่
ไม่สะท้อน (ยังไม่หักเงินเฟ้อ)
สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของผลตอบแทน
การใช้งาน
ใช้ดูเบื้องต้นว่าได้ผลตอบแทนเท่าไร
ใช้ประเมินว่าผลตอบแทนจริง มีมูลค่าแค่ไหน
ความแม่นยำ
ต่ำกว่าหากไม่พิจารณาเงินเฟ้อ
สูงกว่าเพราะคำนึงถึงภาวะเงินเฟ้อ
ใช้เปรียบเทียบกับ
เมื่อยังไม่รู้ข้อมูลด้านเงินเฟ้อ
เมื่อวิเคราะห์การลงทุนระยะยาวหรือวางแผนค่าใช้จ่ายในอนาคต
การคำนวณ Yield หรือ อัตราผลตอบแทนแบบง่าย ๆ คือ การนำผลตอบแทนที่ได้รับมาเทียบกับเงินลงทุนทั้งหมด เพื่อดูว่าเราได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูตรพื้นฐานคือ:
ตัวอย่างทั่วไปของผลตอบแทน ได้แก่
ดอกเบี้ย ที่ได้รับจากพันธบัตรหรือเงินฝาก
เงินปันผล จากการลงทุนในหุ้น
รายได้ค่าเช่า จากอสังหาริมทรัพย์
เช่น หากลงทุนซื้อพันธบัตรราคา 1,000 บาท และได้รับดอกเบี้ยปีละ 50 บาท Yield หรืออัตราผลตอบแทนจะเท่ากับ
(50/1,000)x100% = 5%
วิธีคำนวณแบบนี้ช่วยให้เข้าใจภาพรวมผลตอบแทน ที่ได้รับจากการลงทุนได้อย่าง รวดเร็ว และง่ายดาย
Yield คือ ตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนประเมินผลตอบแทน และ ความเสี่ยงของการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเปรียบเทียบสินทรัพย์ต่าง ๆ และวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Yield คือ ตัวเลขที่ช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพรวมว่า การลงทุนแต่ละประเภทให้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร หรือ อสังหาริมทรัพย์ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน Yield จะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความต้องการของตนได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องซับซ้อนกับตัวเลขอื่น ๆ มากนัก
Yield สะท้อนความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับ ผลตอบแทน และ ความเสี่ยงของการลงทุน ยิ่ง Yield สูง มักหมายถึงนักลงทุนต้องการผลตอบแทนมากขึ้น เพื่อแลกกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน Yield ต่ำบ่งบอกถึงความเสี่ยงที่ต่ำกว่า นักลงทุนจึงใช้ Yield เป็นตัวช่วยประเมินว่าการลงทุนไหนควรเสี่ยงหรือควรระมัดระวัง
Yield ที่สูงอาจเป็นสัญญาณเตือนถึง ความเสี่ยง หรือปัญหาที่ซ่อนอยู่ เช่น ความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสาร การเปลี่ยนแปลงของสภาพตลาด หรือ ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน นักลงทุนจึงควรพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ความมั่นคงของผู้ออกตราสาร แนวโน้มเศรษฐกิจ และ สภาวะตลาด เพื่อการตัดสินใจลงทุนที่รอบคอบ และ ปลอดภัยยิ่งขึ้น
Yield ที่ได้จากการลงทุนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสำคัญ ซึ่งการเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น
Yield จะสูงขึ้นเมื่อนักลงทุนต้องการผลตอบแทนมากขึ้น เพื่อแลกกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น เช่น ความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสาร หากผู้ออกมีความเสี่ยงสูง เช่น บริษัทที่มีสถานะทางการเงินไม่มั่นคง นักลงทุนจะต้องการ Yield ที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยงดังกล่าว
ภาวะตลาดโดยรวมและอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางส่งผลโดยตรงต่อ Yield เมื่ออัตราดอกเบี้ยทั่วไปในตลาดเพิ่มขึ้น Yield ของพันธบัตรและสินทรัพย์อื่น ๆ ก็จะปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่แข่งขันได้ในตลาด
ระยะเวลาที่ลงทุนมีผลต่อระดับ Yield โดยทั่วไปพันธบัตรหรือสินทรัพย์ที่มีระยะเวลาอนุพันธ์กว่ามักจะมี Yield สูงกว่า เพราะนักลงทุนต้องการชดเชยความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในอนาคต นอกจากนี้ ความผันผวนของสินทรัพย์ก็มีผลต่อ Yield เช่น สินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมักจะมี Yield สูงกว่าเพื่อชดเชยความเสี่ยงเพิ่มเติม
Yield คือ ตัวชี้วัดสำคัญที่แสดงผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภท เช่น ฟอเร็กซ์ หุ้น หรือ พันธบัตร การเข้าใจแต่ละประเภทช่วยให้นักลงทุนวางแผนได้แม่นยำยิ่งขึ้น
สินทรัพย์
ประเภทของผลตอบแทน
รายละเอียด
ฟอเร็กซ์ (Forex)
กำไรจากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยน
ซื้อขายค่าเงินระหว่างสองสกุล เช่น USD/EUR เพื่อเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคา
ดอกเบี้ย Swap / Rollover Interest
รายได้จากการถือครองสกุลเงินข้ามคืน ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยของแต่ละประเทศ
หุ้น (Stocks)
เงินปันผล (Dividend Yield)
รายได้ที่บริษัทจ่ายคืนผู้ถือหุ้นตามกำไรที่ได้ในแต่ละปี
กำไรจากราคาหุ้น (Capital Gain)
ซื้อหุ้นในราคาต่ำ ขายตอนราคาสูง ได้กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น
พันธบัตร (Bonds)
ดอกเบี้ยรับจากพันธบัตร
รายได้ประจำที่ผู้ออกพันธบัตรจ่ายให้ผู้ถือครองเป็นงวดๆ
ส่วนต่างราคา (Capital Gain/Loss)
หากขายพันธบัตรก่อนครบกำหนด อาจได้กำไรหรือขาดทุนจากราคาซื้อขายในตลาด
Yield to Maturity (YTM)
ผลตอบแทนรวมที่จะได้รับหากถือจนครบอายุพันธบัตร รวมทั้งดอกเบี้ยและราคาซื้อ-ขาย
Yield คือ เครื่องมือสำคัญที่ช่วยวัดผลตอบแทน และประเมินความน่าสนใจของการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ การเข้าใจและติดตาม Yield อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบผลตอบแทน ประเมินความเสี่ยง และเลือกลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ Yield ยังช่วยให้นักลงทุนวางแผนบริหารความเสี่ยง และคาดการณ์ผลตอบแทนในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารการลงทุนอย่างมีระบบ และประสบความสำเร็จในระยะยาว
พร้อมสำหรับก้าวต่อไปในการซื้อขายหรือยัง?
เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย
อัตราดอกเบี้ย คือ ค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงิน ในขณะที่ Yield คือ ผลตอบแทนที่นักลงทุนได้รับจากการลงทุนในสินทรัพย์ เช่น พันธบัตร ที่ให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ถือ
ราคาพันธบัตรและ Yield มีความสัมพันธ์ผกผันกัน คือ เมื่อ Yield สูง ราคาพันธบัตรจะลดลง และเมื่อ Yield ต่ำ ราคาพันธบัตรจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่แข่งขันได้
Yield ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยในตลาด สภาพเศรษฐกิจ ความเสี่ยงของผู้ออกตราสาร และปัจจัยอื่น ๆ เช่น นโยบายการเงินและภาวะเงินเฟ้อ ทำให้ Yield มีความผันผวนตามสภาพตลาด
Yield สูงไม่ได้หมายความว่าการลงทุนดีเสมอไป เพราะอาจสะท้อนถึงความเสี่ยงสูง เช่น ความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารลดลง หรือสภาวะตลาดไม่มั่นคง นักลงทุนจึงควรพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วย
นักลงทุนใช้ Yield เพื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนและประเมินความเสี่ยงของสินทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อเลือกลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง
Itsariya Doungnet
SEO Content Writer
อิสสริยา ดวงเนตร เป็นนักเขียนคอนเท้นต์ SEO ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เชี่ยวชาญด้านการให้ความรู้ เรื่องตลาดเทรด และ การลงทุน เน้นสไตล์การเขียนที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย และเนื้อหาความรู้จัดเต็ม พร้อมกับการผสมผสานเทคนิค SEO ที่ช่วยให้ผู้อ่านค้นหาบทความได้ง่าย อย่าลืมติดตามกันนะคะ
เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง