Facebook Pixel
Logo

คอร์สการเทรดออนไลน์ของ XS

เพิ่มพูนความรู้ของคุณด้วยคอร์สการเทรดออนไลน์ฟรีจาก

โซลูชั่นก็อปปี้เทรด
หน้าหลัก   Breadcrumb right  คอร์   Breadcrumb right  แนะนำการเทรดทางการเงิน   Breadcrumb right  บทบาทของโบรกเกอร์ในการเทรดทางการเงิน

บทบาทของโบรกเกอร์ในการเทรดทางการเงิน

จนถึงตอนนี้คุณน่าจะได้ยินคำว่า “โบรกเกอร์” หลายครั้งแล้วแต่เคยสงสัยไหมว่าโบรกเกอร์จริง ๆ แล้วทำหน้าที่อะไร? และทำไมถึงสำคัญต่อการเทรด? ไม่ว่าคุณจะเทรดหุ้น ฟอเร็กซ์ หรือ CFD โบรกเกอร์คือจุดเชื่อมสำคัญที่จะพาคุณเข้าสู่ตลาดการเงิน

ในบทเรียนนี้เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าโบรกเกอร์มีบทบาทอย่างไรพร้อมทั้งแนะนำสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อต้องเลือกใช้บริการของโบรกเกอร์

โบรกเกอร์เปรียบเสมือน ตัวกลาง ระหว่างคุณกับตลาดการเงินพวกเขาช่วยให้คุณสามารถ ซื้อและขายสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้ เช่น หุ้น สกุลเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ หากไม่มีโบรกเกอร์เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะไม่สามารถเข้าถึงตลาดการเงินระดับโลกได้โดยตรง

 

ประเภทของโบรกเกอร์

โบรกเกอร์มีหลายประเภท ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไป:

  • โบรกเกอร์หุ้น (Stockbrokers): เชี่ยวชาญในการ ซื้อและขายหุ้น ผ่านตลาดหลักทรัพย์ เช่น NYSE และ NASDAQ

  • โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ (Forex Brokers): มุ่งเน้น ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ซึ่งเป็นที่ซื้อขายสกุลเงินทั่วโลก

  • โบรกเกอร์ CFD (CFD Brokers): เปิดให้เทรดเดอร์สามารถ เก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ โดยไม่ต้องถือครองสินทรัพย์จริง

  • โบรกเกอร์ต้นทุนต่ำ (Discount Brokers): ให้บริการเทรดใน ต้นทุนที่ต่ำ แต่มีบริการจำกัดเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการควบคุมการลงทุนด้วยตัวเอง

  • โบรกเกอร์ให้บริการครบวงจร (Full-Service Brokers): ให้คำแนะนำด้าน การลงทุน รายงานวิจัย และบริหารพอร์ตลงทุน โดยทั่วไปจะมีค่าธรรมเนียมสูงกว่า

 

โบรกเกอร์มีหน้าที่อะไร?

โดยพื้นฐานแล้วโบรกเกอร์มีบทบาทสำคัญในการเทรดทางการเงินทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ช่วยให้ตลาดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หน้าที่หลักของโบรกเกอร์คือการ ดำเนินคำสั่งซื้อขาย (Buy/Sell) ให้กับเทรดเดอร์ ซึ่งถือเป็นฟังก์ชั่นที่จำเป็นอย่างยิ่งเพราะเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ ไม่สามารถเข้าถึงตลาดการเงินโดยตรงได้หากไม่มีโบรกเกอร์

โบรกเกอร์ มาพร้อมเครื่องมือ เทคโนโลยี และการเข้าถึงแพลตฟอร์มเทรดโดยตรง ซึ่งทั้งหมดนี้มักเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์รายบุคคลไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยตัวเอง

มาดูกันอย่างใกล้ชิดว่าโบรกเกอร์ทำหน้าที่อะไรบ้าง:

  • ดำเนินคำสั่งซื้อขาย (Buy/Sell) ให้กับเทรดเดอร์

  • เปิดทางให้เทรดเดอร์ เข้าถึงตลาดการเงินขนาดใหญ่ (เช่น ตลาดหุ้นและตลาดฟอเร็กซ์)

  • จัดหาข่าวสารตลาดและ เครื่องมือวิเคราะห์ที่จำเป็น เช่น การวิเคราะห์หลักทรัพย์และบทวิจัย

  • ให้บริการ บริหารพอร์ตการลงทุน โดยช่วยตัดสินใจเลือกสินทรัพย์ตามเป้าหมายและกลยุทธ์ของนักลงทุน

  • สนับสนุน การจัดการความเสี่ยง ด้วยเครื่องมืออย่างคำสั่งหยุดขาดทุน (Stop-Loss Orders)

กล่าวโดยสรุปโบรกเกอร์คือผู้ที่ทำให้การเทรด เข้าถึงง่าย มีประสิทธิภาพ และจัดการได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์มือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์

 

ความสำคัญของโบรกเกอร์

โบรกเกอร์ไม่ได้แค่ดำเนินการซื้อขายเท่านั้นแต่ยังช่วยให้ การเทรดง่ายขึ้น และช่วยบริหารความเสี่ยงของคุณด้วย

ด้านล่างนี้คือเหตุผลว่าทำไมโบรกเกอร์จึงมีความจำเป็น:

  • การเข้าถึงตลาด: โบรกเกอร์เชื่อมโยงเทรดเดอร์เข้ากับ ตลาดทั่วโลก เช่น หุ้น ฟอเร็กซ์ และสินค้าโภคภัณฑ์

  • การดำเนินธุรกรรม: พวกเขาดูแลขั้นตอนการ ส่งคำสั่งซื้อขาย ที่ซับซ้อนแทนคุณ

  • การบริหารความเสี่ยง: โบรกเกอร์ที่ดีจะมีเครื่องมือช่วย ลดความเสี่ยง และปกป้องเงินลงทุนของคุณ

การเลือกโบรกเกอร์ที่ใช่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประสบการณ์การเทรดของคุณเลยก็ได้

 

โบรกเกอร์ออนไลน์ (Online Brokers)

โบรกเกอร์ออนไลน์ได้เข้ามาเปลี่ยนโฉมวงการเทรดทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญ โดยนำเสนอบริการนายหน้าที่เข้าถึงง่าย สะดวก และคุ้มค่ากว่าเดิมในด้านต้นทุน

แพลตฟอร์มดิจิทัลเหล่านี้เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์สามารถทำรายการซื้อขายได้ จากทุกที่ เพียงแค่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ด้านล่างนี้คือสิ่งที่โบรกเกอร์ออนไลน์มักจะมีให้:

  • เทรดได้จาก ทุกที่ ทุกเวลา แค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

  • ค่าธรรมเนียมมักต่ำ กว่าโบรกเกอร์แบบดั้งเดิม

  • มีแหล่ง ความรู้ เครื่องมือวิเคราะห์ และข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยให้คุณตัดสินใจอย่างมั่นใจและมีข้อมูลรองรับ

 

Market Makers vs. ECN Brokers

ไม่ใช่โบรกเกอร์ทุกเจ้าจะทำงานในรูปแบบเดียวกัน ดังนั้นการเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Market Maker กับ ECN Broker จึงเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกเทรดกับใคร

 

Market Makers (เจ้ามือตลาด)

Market Maker จะตั้ง ราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) ขึ้นมาเองแทนที่จะเชื่อมคำสั่งของคุณเข้ากับตลาดโดยตรงเมื่อคุณส่งคำสั่งซื้อขาย โบรกเกอร์ประเภทนี้จะเป็นฝั่งตรงข้ามกับคำสั่งของคุณทันทีพูดง่าย ๆ คือถ้าคุณซื้อเขาจะขายให้คุณแต่ถ้าคุณขายเขาจะซื้อจากคุณ

ข้อดี:

  • สเปรดคงที่แม้ในช่วงตลาดผันผวน

  • มักไม่มีค่าคอมมิชชั่นในการเทรด

  • แพลตฟอร์มใช้งานง่ายเหมาะกับผู้เริ่มต้นและมักมีเครื่องมือเสริมมาให้ด้วย

ข้อเสีย:

  • อาจเกิด ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เพราะโบรกเกอร์จะได้กำไรเมื่อเทรดเดอร์ขาดทุน

  • ราคาที่แสดงอาจไม่ตรงกับราคาตลาดจริงแบบเรียลไทม์

  • การดำเนินคำสั่งซื้อขายอาจมีความล่าช้าเล็กน้อย

 

ECN Brokers (โบรกเกอร์แบบ ECN)

โบรกเกอร์ ECN หรือ Electronic Communication Network เป็นโบรกเกอร์ที่ เชื่อมต่อเทรดเดอร์เข้ากับผู้ให้สภาพคล่องโดยตรง เช่น ธนาคารหรือกองทุนเฮดจ์ฟันด์ โบรกเกอร์ประเภทนี้จะไม่เข้าแทรกแซงคำสั่งของคุณแต่จะจับคู่คำสั่งซื้อขายของคุณกับราคาที่ดีที่สุดในตลาดแบบเรียลไทม์

ข้อดี:

  • ไม่มีการเป็นเจ้ามือตลาด (No Dealing Desk) เทรดเดอร์จะซื้อขายกับผู้เล่นในตลาดจริงไม่ใช่กับโบรกเกอร์โดยตรง

  • สเปรดแคบกว่า (แต่มีค่าคอมมิชชั่นแทน)

  • ดำเนินคำสั่งได้รวดเร็ว และ ไม่มีการแทรกแซงราคา จากโบรกเกอร์

ข้อเสีย:

  • สเปรดอาจกว้างขึ้นในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ

  • มักมี ข้อกำหนดเงินฝากเริ่มต้นสูงกว่า Market Makers

  • มีการคิดค่าคอมมิชชั่นในแต่ละคำสั่งเทรด

 

วิธีเลือกโบรกเกอร์ที่ใช่สำหรับคุณ

การเลือกโบรกเกอร์เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการเริ่มต้นเทรด นี่คือเคล็ดลับที่ควรพิจารณา:

  • ตรวจสอบใบอนุญาตและการกำกับดูแล: เลือกโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับของหน่วยงานทางการเงินที่เชื่อถือได้ ตัวอย่างเช่น XS.com ได้รับการกำกับดูแลโดย FSA, ASIC และ CySEC

  • ดูโครงสร้างค่าธรรมเนียมและคอมมิชชั่น: ทำความเข้าใจต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการเทรดผ่านโบรกเกอร์นั้น ๆ

  • ประเมินแพลตฟอร์มการเทรด: แพลตฟอร์มควรใช้งานง่าย และมีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์รูปแบบการเทรดของคุณ

  • ดูบริการลูกค้า: การสนับสนุนที่ดีมีค่ามากโดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น

  • ศึกษาความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์: อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง และตรวจสอบประวัติในวงการ

 

สรุปบทเรียน

  • โบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางช่วยให้เทรดเดอร์สามารถซื้อขายสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก

  • โบรกเกอร์แต่ละประเภทให้บริการในตลาดที่ต่างกัน เช่น หุ้น ฟอเร็กซ์ และ CFD

  • โบรกเกอร์ยังมีเครื่องมือสำคัญ เช่น การเข้าถึงตลาด แพลตฟอร์มเทรด และเครื่องมือบริหารความเสี่ยง

  • โบรกเกอร์ออนไลน์ทำให้การเทรดง่ายขึ้น ค่าใช้จ่ายต่ำลง และเข้าถึงได้มากขึ้น

  • การเลือกโบรกเกอร์ที่ดีควรพิจารณาเรื่องใบอนุญาต ค่าธรรมเนียม ความใช้งานของแพลตฟอร์ม การบริการลูกค้า และชื่อเสียงในวงการ

ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วว่าโบรกเกอร์มีบทบาทอย่างไรในการเทรดอีกก้าวเดียวก็จะพร้อมเทรดด้วยความมั่นใจ   ในบทถัดไปเราจะพาคุณไปรู้จักกับแพลตฟอร์มเทรด และวิธีใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถัดไป: แพลตฟอร์มเทรดคืออะไร?
บทเรียนถัดไป

การเรียนรู้ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้

อ่านบล็อกล่าสุดของเราเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับการเทรด มุมมองตลาด และกลยุทธ์การเทรดจริง บล็อกของ XS จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูล แรงบันดาลใจ และพร้อมสำหรับการเทรด