Facebook Pixel
Logo

คอร์สการเทรดออนไลน์ของ XS

เพิ่มพูนความรู้ของคุณด้วยคอร์สการเทรดออนไลน์ฟรีจาก

โซลูชั่นก็อปปี้เทรด
หน้าหลัก   Breadcrumb right  คอร์   Breadcrumb right  แนะนำการเทรดทางการเงิน   Breadcrumb right  พัฒนากลยุทธ์การเทรดขั้นพื้นฐาน

พัฒนากลยุทธ์การเทรดขั้นพื้นฐาน

ยินดีต้อนรับสู่บทเรียนสุดท้ายของคอร์สแนะนำการเทรดในตลาดการเงินตลอดที่ผ่านมา คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเภทของการเทรด การใช้งานแพลตฟอร์มและโบรกเกอร์ ตลอดจนบทบาทของข่าวสารทางการเงิน

และในตอนนี้... ได้เวลานำทุกองค์ประกอบมารวมกัน เพื่อสร้างกลยุทธ์การเทรดแรกของคุณอย่างเป็นระบบ

 

5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มวางกลยุทธ์การเทรดครั้งแรก

ก่อนจะเริ่มวางกลยุทธ์การเทรดออนไลน์ของคุณสิ่งสำคัญคือการเข้าใจหลักคิดพื้นฐานทั้ง 5 ข้อนี้ให้ชัดเจน:

 

1. กลยุทธ์แรกของคุณจะไม่ใช่กลยุทธ์สุดท้าย

เมื่อคุณมีประสบการณ์มากขึ้น และเข้าใจตลาดดีขึ้นกลยุทธ์ของคุณก็จะพัฒนาไปด้วยความยืดหยุ่นและการปรับตัวคือกุญแจสู่ความสำเร็จในระยะยาว

2. ไม่จำเป็นต้องเดินตามกลยุทธ์ของคนอื่น

การเรียนรู้จากเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จเป็นเรื่องดีแต่อย่าลืมว่ากลยุทธ์ที่เหมาะกับคุณควรสะท้อน เป้าหมาย ระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้ และ จุดแข็งส่วนตัวของคุณเอง

3. กลยุทธ์แรกจะไม่ทำให้คุณรวยในชั่วข้ามคืน

การเทรดไม่ใช่ทางลัดสู่ความร่ำรวยแต่เป็น การเดินทางระยะยาว ตั้งความคาดหวังให้เป็นจริง และโฟกัสที่การเติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่อง

4. ความผิดพลาดและการขาดทุนเป็นเรื่องธรรมดา

ไม่มีเทรดเดอร์คนไหน ไม่เคยขาดทุน สิ่งสำคัญคือการ วิเคราะห์ข้อผิดพลาด ปรับปรุงกลยุทธ์ และศึกษาเรียนรู้อยู่เสมอ

5. การเทรดคือเส้นทางของการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

อ่านหนังสือ ลงคอร์สเรียน ติดตามข่าว และวิเคราะห์ตลาดอยู่เสมอเพราะตลาดการเงินมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และคนที่เรียนรู้อย่างต่อเนื่องเท่านั้นที่จะปรับตัวและอยู่รอดได้

 

วิธีสร้างกลยุทธ์การเทรดออนไลน์ครั้งแรกของคุณ: ทีละขั้นตอน

การเริ่มวางกลยุทธ์การเทรดครั้งแรกอาจดูน่ากังวลในตอนต้นแต่หากคุณทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ คุณจะสามารถ สร้างแผนการเทรดที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ได้อย่างมั่นใจ

 

ขั้นตอนที่หนึ่ง: เข้าใจตลาดการเงิน

ก่อนที่คุณจะเริ่มส่งคำสั่งซื้อขาย สิ่งสำคัญคือคุณต้องเข้าใจ กลไกการทำงานของตลาด ซึ่งหมายถึงการศึกษาทิศทางของตลาด การเคลื่อนไหวของราคา และเทคนิคการวิเคราะห์ต่าง ๆ

  • การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis): เน้นการประเมิน มูลค่าที่แท้จริง ของบริษัทหรือสินทรัพย์ โดยพิจารณารายงานทางการเงิน แนวโน้มของอุตสาหกรรม และตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ

  • การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis): ใช้ข้อมูลราคาย้อนหลัง กราฟ และ Indicator ต่าง ๆ เพื่อคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคต

ตัวอย่างเช่น: เทรดเดอร์ที่ใช้ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน อาจตัดสินใจซื้อหุ้นเพราะบริษัทมีกำไรสูงเกินคาด

ในขณะที่ เทรดเดอร์สายเทคนิค อาจตัดสินใจซื้อเพราะเห็น ราคาดีดกลับจากแนวรับ ในกราฟ

แม้คุณจะถนัดวิธีใดวิธีหนึ่งแต่การเข้าใจทั้งสองแนวทางจะช่วยเสริมการตัดสินใจให้แม่นยำยิ่งขึ้น

 

ขั้นตอนที่สอง: เลือกตลาดที่คุณจะเริ่มเทรด

ในโลกการเงินมี ตลาดให้เลือกเทรดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น  หุ้น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ หรือ CFD แต่ละตลาดมีลักษณะเฉพาะ ความเสี่ยง และโอกาสที่แตกต่างกัน

  • เริ่มต้นจากการเลือก ตลาดทุนอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่คุณสนใจก่อนแล้วจึงค่อยกระจายไปตลาดอื่น

  • ศึกษาว่า ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว ของราคาภายในตลาดนั้น

  • เรียนรู้ช่วงเวลาการซื้อขาย ความผันผวน และระดับสภาพคล่องของตลาด

ตัวอย่างเช่น: หากคุณเลือกเทรดในตลาดฟอเร็กซ์ คุณจะต้องเข้าใจเรื่องคู่สกุลเงิน นโยบายของธนาคารกลาง และรายงานเศรษฐกิจระดับโลก

ตลาดแต่ละประเภทมีพฤติกรรมที่ไม่เหมือนกันให้เวลากับการเรียนรู้ แนวโน้มและความเสี่ยง เฉพาะของตลาดนั้นก่อนที่จะลงมือเทรดจริง

 

ขั้นตอนที่สาม: กำหนดเป้าหมายการเทรดของคุณ

ลองถามตัวเองให้ชัดเจนว่า...

  • ฉันต้องการอะไรจากการเทรด? (สร้างผลตอบแทนระยะยาว รายได้เสริม หรืออิสรภาพทางการเงิน?)

  • ฉันสามารถแบ่งเวลาให้การเทรดได้มากแค่ไหน? (เทรดแบบเต็มเวลา พาร์ทไทม์ หรือแค่เทรดเป็นครั้งคราว?)

  • เป้าหมายผลกำไรต่อเดือนหรือต่อปีของฉันคือเท่าไหร่?

ตัวอย่างเช่น: ถ้าคุณต้องการผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวอาจเหมาะกับ การเทรดแบบถือสถานะระยะยาว (Position Trading) แต่ถ้าคุณมองหากำไรสั้น ๆ อย่างรวดเร็วอาจชอบ การเทรดแบบรายวัน (Day Trading) หรือ สไตล์ Scalping มากกว่า

การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยกำหนดแนวทางกลยุทธ์ของคุณรวมถึงการบริหารความเสี่ยงและการจัดการเวลาให้เหมาะสม

 

ขั้นตอนที่ 4: ประเมินระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้

การเทรดคือเรื่องของความเสี่ยงและสิ่ง สำคัญคือ การรู้ว่าเรายอมขาดทุนได้มากแค่ไหน สำคัญพอ ๆ กับการรู้ว่าเราอยากได้กำไรเท่าไหร่

  • คุณควรตัดสินใจให้ชัดเจนว่า จะยอมเสี่ยงใช้เงินทุนเท่าไหร่ต่อการเทรดแต่ละครั้ง

  • หลักทั่วไปที่นิยมใช้ คือ ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1–2% ของเงินทุนทั้งหมดต่อการเทรดหนึ่งครั้ง

  • และประเมิน ปฏิกิริยาทางอารมณ์ต่อการขาดทุน ของตัวเอง—คุณสามารถรับสถานการณ์ที่ขาดทุนต่อเนื่องได้ไหม โดยไม่ตัดสินใจแบบรีบเร่งหรือตามอารมณ์?

ตัวอย่าง: ถ้าคุณมีเงิน $1,000 ในบัญชีเทรด การเสี่ยง 2% ต่อการเทรด หมายถึงคุณควรตั้งขาดทุนสูงสุดไว้ที่ ไม่เกิน $20 ต่อครั้ง

หากการขาดทุนจากการเทรดทำให้คุณรู้สึกตื่นตระหนกให้ ปรับระดับความเสี่ยงลง จนกว่าคุณจะรู้สึกสบายใจ

 

ขั้นตอนที่ 5: กำหนดกฎการเข้าและออกจากเทรดให้ชัดเจน

กลยุทธ์ที่ดีควรระบุให้ชัดเจนว่า ควรเข้าเทรดเมื่อใด และ ออกจากเทรดเมื่อใด เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจตามอารมณ์ และยึด แนวทางที่มีโครงสร้างที่ชัดเจน

  • กฎการเข้าเทรด (Entry Rules): ระบุจุดเข้าให้ชัดเจน เช่น อ้างอิงจาก Indicator ทางเทคนิค , รูปแบบของราคา (Price Action) หรือข่าวสำคัญในตลาด

  • กฎการออกจากเทรด (Exit Rules): ระบุจุดที่ควรทำกำไรหรือยอมขาดทุน เช่น

    • คำสั่ง Stop-Loss: จุดที่ระบบจะปิดสถานะให้อัตโนมัติเพื่อลดการขาดทุน

    • คำสั่ง Take-Profit: ระดับราคาที่ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อปิดสถานะเมื่อได้กำไรตามเป้าหมาย

ตัวอย่างเช่น : เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์อาจเปิดคำสั่งซื้อ (Buy) เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และตั้งเป้าปิดสถานะเมื่อราคาขึ้นไปแตะแนวต้าน หรือ RSI เข้าเขต Overbought

การมีกลยุทธ์การออกจากเทรดอย่างชัดเจนจะช่วยให้คุณไม่ตัดสินใจขายเพราะความตื่นตระหนก และสามารถล็อกกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ขั้นตอนที่ 6: ทดสอบย้อนหลังและปรับแต่งกลยุทธ์

ก่อนจะเสี่ยงด้วยเงินจริงให้ทดสอบกลยุทธ์ของคุณโดยใช้ ข้อมูลในอดีต เพื่อดูว่ากลยุทธ์นั้นจะให้ผลลัพธ์อย่างไรในสถานการณ์ตลาดต่าง ๆ กระบวนการนี้เรียกว่า การทดสอบย้อนหลัง (Backtesting)

  • ใช้ บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อทดลองเทรด โดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง

  • ปรับแต่งกลยุทธ์ตามผลลัพธ์ที่ได้จากการทดลอง

  • บันทึกผลการเทรดเพื่อดูว่ากลยุทธ์ไหนใช้ได้ผลหรือจุดไหนควรปรับปรุง

ตัวอย่าง: ถ้าผลการ Backtest แสดงว่ากลยุทธ์ของคุณ ขาดทุนในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง คุณอาจปรับกลยุทธ์โดยการ เพิ่มตัวกรองความผันผวนเข้าไป เพื่อหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่ตลาดเหวี่ยงแรงเกินไป

กลยุทธ์ที่ผ่านการทดสอบมาแล้วจะช่วยเพิ่มความมั่นใจมากขึ้นเมื่อซื้อขายด้วยเงินจริง

 

ข้อคิดส่งท้าย: ความสำเร็จในการเทรดต้องอาศัยความสม่ำเสมอ

  • กลยุทธ์การเทรดแรกของคุณเป็นเพียงจุดเริ่มต้นอย่าลืมปรับและพัฒนากลยุทธ์นั้นเมื่อคุณมีประสบการณ์มากขึ้น

  • ความสำเร็จในการเทรดไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืนต้องอาศัยความอดทน มีวินัย และเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

  • ข้อผิดพลาดและการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสิ่งสำคัญคือการวิเคราะห์สิ่งเหล่านั้น และปรับปรุงให้ดีขึ้น

  • จงรักษาความมุ่งมั่นในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพราะตลาดการเงินเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และความรู้ของคุณก็ควรพัฒนาไปพร้อมกัน

ตอนนี้คุณได้เรียนจบบทเรียนทั้งหมดแล้วก็ถึงเวลานำความรู้ไปลงมือปฏิบัติจริง!

เริ่มต้นจากการเปิดบัญชีทดลอง แล้วทดลองใช้กลยุทธ์หลายๆแบบ  จากนั้นค่อย ๆ ปรับแนวทางให้เหมาะกับตัวคุณเอง ขั้นตอนนี้ถือเป็นช่วงสำคัญในการสร้างความมั่นใจและสะสมประสบการณ์ก่อนจะเริ่มเทรดจริงด้วยเงินทุนจริงในตลาด

การเรียนรู้ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้

อ่านบล็อกล่าสุดของเราเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับการเทรด มุมมองตลาด และกลยุทธ์การเทรดจริง บล็อกของ XS จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูล แรงบันดาลใจ และพร้อมสำหรับการเทรด