ตลาด
แพลตฟอร์ม
บัญชี
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือ
เพิ่มพูนความรู้ของคุณด้วยคอร์สการเทรดออนไลน์ฟรีจาก
สินค้าโภคภัณฑ์คือวัตถุดิบพื้นฐานที่ทำให้โลกหมุนต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เรารับประทาน หรือเชื้อเพลิงที่ใช้ขับเคลื่อนบ้านและรถยนต์ สินค้าโภคภัณฑ์อยู่รอบตัวเราทุกวัน
ในบทเรียนนี้เราจะพาคุณไปรู้จักว่าสินค้าโภคภัณฑ์คืออะไร แบ่งออกเป็นประเภทใดบ้าง และมีวิธีการซื้อขายในตลาดอย่างไรบ้าง
สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) คือวัตถุดิบพื้นฐานที่ภาคธุรกิจนำไปใช้ในการผลิตสินค้าและบริการอื่น ๆ
วัตถุดิบเหล่านี้อาจเป็นน้ำมัน ทองคำ ข้าวสาลี หรือกาแฟ ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกซื้อขายในตลาดโลก
จุดเด่นสำคัญของสินค้าโภคภัณฑ์คือ ความสามารถในการทดแทนกันได้ หมายความว่าสินค้าชนิดหนึ่งจากแหล่งหนึ่งสามารถใช้แทนกันได้กับอีกแหล่งหนึ่ง เช่น น้ำมันหนึ่งบาร์เรลจากที่ใดก็มีคุณสมบัติเหมือนกันกับน้ำมันจากที่อื่น หากอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน
ตัวอย่าง: ลองนึกถึงเมล็ดกาแฟ ไม่ว่าจะปลูกในบราซิลหรือเอธิโอเปีย หากมีคุณภาพตามมาตรฐานเดียวกัน ก็สามารถซื้อขายแบบ “เหมาตามปริมาณ” ได้ง่าย ความเป็นมาตรฐาน นี้เองที่ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์เป็นสินค้าที่ซื้อขายได้สะดวกในตลาด
โดยทั่วไปแล้วสินค้าโภคภัณฑ์สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่:
สินค้าเกษตร (Agricultural Products): ได้แก่ พืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าวสาลี กาแฟ ถั่วเหลือง ข้าว และข้าวโพด
โลหะ (Metals – ทั้งจากการขุดและผลิต): เช่น ทองคำ เงิน ทองแดง อะลูมิเนียม และแพลตินัม
ปศุสัตว์ (Livestock): เช่น โค สุกร และผลิตภัณฑ์นม เช่น น้ำนมดิบ
พลังงาน (Energy): ครอบคลุมน้ำมันดิบ น้ำมันเบนซิน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน
อีกหนึ่งวิธีในการแบ่งประเภทของสินค้าโภคภัณฑ์นอกจากการจัดกลุ่มตามอุตสาหกรรมแล้ว สินค้าโภคภัณฑ์ยังสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ตามลักษณะที่มาได้แก่:
กลุ่มสินค้าเกษตร (Soft Commodities): ประกอบด้วยวัตถุดิบที่ได้จากการเพาะปลูกหรือปศุสัตว์ เช่น ข้าวสาลี กาแฟ ถั่วเหลือง ข้าวโพด และวัว สินค้ากลุ่มนี้เรียกว่า "soft" เพราะเป็นสิ่งที่สามารถเพาะปลูกหรือเลี้ยงได้ไม่ได้มาจากการขุดหรือสกัดจากธรรมชาติ
เช่นเดียวกับหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ก็สามารถ ซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ได้ การเทรดสินค้าโภคภัณฑ์คือการคาดการณ์ว่าราคาของวัตถุดิบเหล่านั้นจะ ปรับขึ้นหรือลง ในช่วงเวลาหนึ่ง
การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์โดยตรง: หมายถึงการซื้อขายสินค้าจริงทางกายภาพ เช่น เกษตรกรขายข้าวสาลีให้กับบริษัทอาหารโดยตรง
การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ออนไลน์: นักเทรดใช้สัญญาทางการเงิน เช่น ฟิวเจอร์ส หรือ CFD เพื่อเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลาหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องถือครองสินค้าจริง
สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ที่จะสามารถ ซื้อขาย ได้ในตลาดจำเป็นต้อง มีมาตรฐาน ที่ชัดเจน ซึ่งหมายถึงต้องมีการกำหนดคุณภาพและปริมาณให้แน่นอนเพื่อให้ผู้ซื้อและผู้ขายรู้ชัดว่ากำลังซื้อขายอะไรอยู่
โดยทั่วไปแล้วการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์เกิดขึ้นในตลาดหลัก 2 ประเภท ได้แก่:
ตลาดสปอต (ซื้อ–ขายและส่งมอบทันที) คือตลาดที่มีการซื้อขายสินค้าแบบทันทีผู้ซื้อและผู้ขายตกลงราคากันและแลกเปลี่ยนสินค้ากับเงินสดในเวลาเดียวกันตลาดประเภทนี้มักใช้ในกรณีที่ต้องการสินค้าอย่างเร่งด่วน
ตัวอย่างเช่น: โรงกลั่นน้ำมันซื้อ “น้ำมันดิบ” โดยตรงจากผู้ผลิตเพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิตทันที
ตลาดฟิวเจอร์ส (Futures) คือหนึ่งในรูปแบบของตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) ใน ตลาดฟิวเจอร์ส นักเทรดจะซื้อและขายสัญญาที่ กำหนดราคาไว้ล่วงหน้า สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ที่จะส่งมอบในวันที่กำหนดในอนาคต สิ่งนี้ช่วยให้ธุรกิจและนักลงทุนป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาได้
ตัวอย่างเช่น: เกษตรกรตกลงที่จะขายข้าวสาลี 1,000 บุชเชล ในราคา $5.50 ต่อบุชเชล ภายในอีก 3 เดือนไม่ว่าราคาในอนาคตตลาดจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลงอย่างไร เกษตรกรก็จะมั่นใจได้ว่าจะได้รับราคาตามที่ระบุไว้ในสัญญา
สินค้าโภคภัณฑ์สามารถซื้อขายได้ผ่านหลากหลายแพลตฟอร์มและตลาดทั่วโลก:
ตลาดเหล่านี้เป็นตลาดเฉพาะทางที่ใช้สำหรับซื้อขายสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีมาตรฐานกำหนดไว้ชัดเจน
ตลาดซื้อขายหลักที่สำคัญได้แก่:
Chicago Mercantile Exchange (CME Group): หนึ่งในตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดของโลก ครอบคลุมการซื้อขายพลังงาน โลหะ และสินค้าเกษตร
New York Mercantile Exchange (NYMEX): มุ่งเน้นไปที่สัญญาพลังงานและโลหะ เช่น น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และทองคำ
Intercontinental Exchange (ICE): มีการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์หลากหลายประเภท รวมถึงพลังงาน ผลิตผลทางการเกษตร และโลหะ
London Metal Exchange (LME): เชี่ยวชาญในการซื้อขายโลหะอุตสาหกรรม เช่น ทองแดง และอะลูมิเนียม
ตลาดซื้อขายนอกตลาดหลัก หรือ ที่เรียกกันทั่วไปว่า ตลาด OTC คือช่องทางที่ผู้ซื้อและผู้ขายทำการซื้อขายกันโดยตรง โดยไม่ผ่านตลาดกลาง สินค้าโภคภัณฑ์บางประเภทมักซื้อขายผ่านช่องทางนี้เพราะสามารถปรับเงื่อนไขของสัญญาให้ยืดหยุ่นได้มากกว่า อย่างไรก็ตามตลาด OTC มักอยู่ ภายใต้การกำกับดูแลน้อยกว่าตลาดซื้อขายหลัก
ปัจจุบันโบรกเกอร์จำนวนมากเปิดให้เทรดเดอร์สามารถซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้เครื่องมือทางการเงินอย่าง ฟิวเจอร์ส ออปชั่น หรือ ETFs สิ่งนี้ทำให้การเทรดสินค้าโภคภัณฑ์เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับบุคคลทั่วไป
สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์บางประเภท เช่น สินค้าเกษตร และ โลหะ การซื้อขายยังคงเกิดขึ้นในตลาดจริง โดยผู้ซื้อและผู้ขายเจรจากันโดยตรง ตลาดประเภทนี้อาจรวมถึง ตลาดประมูล, งานแสดงสินค้า, หรือ ศูนย์กลางการค้าเฉพาะด้าน
สินค้าโภคภัณฑ์คือวัตถุดิบที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่อาหาร โลหะ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ด้านพลังงาน
แบ่งออกเป็นกลุ่มสินค้าเกษตร โลหะ ปศุสัตว์ และพลังงาน หรือในอีกมุมหนึ่ง แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้จากการเพาะปลูก (Soft Commodities) และการสกัดจากธรรมชาติ (Hard Commodities)
การเทรดสินค้าโภคภัณฑ์คือการซื้อขายวัตถุดิบเหล่านี้เพื่อเก็งกำไรจากความเปลี่ยนแปลงของราคา
สามารถเทรดได้ทั้งในตลาดสปอต (ซื้อขายและส่งมอบทันที) และตลาดฟิวเจอร์ส (ตามสัญญาที่กำหนดราคาล่วงหน้า)
สินค้าโภคภัณฑ์มีการซื้อขายในตลาดระดับโลก เช่น CME, NYMEX และ LME รวมถึงตลาด OTC และแพลตฟอร์มเทรดออนไลน์
เมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานของสินค้าโภคภัณฑ์แล้ว บทเรียนถัดไปจะพาคุณไปรู้จักกับการเทรด CFD ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณสามารถเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ได้โดยไม่ต้องถือครองสินค้าจริง
พจนานุกรมคำศัพท์ของเราช่วยอธิบายคำศัพท์การเทรดที่ซับซ้อนให้ง่ายต่อความเข้าใจ เรียนรู้คำสำคัญที่นักเทรดทุกคนควรรู้
อ่านบล็อกล่าสุดของเราเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับการเทรด มุมมองตลาด และกลยุทธ์การเทรดจริง บล็อกของ XS จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูล แรงบันดาลใจ และพร้อมสำหรับการเทรด