Facebook Pixel
Logo

คอร์สการเทรดออนไลน์ของ XS

เพิ่มพูนความรู้ของคุณด้วยคอร์สการเทรดออนไลน์ฟรีจาก

โซลูชั่นก็อปปี้เทรด
หน้าหลัก   Breadcrumb right  คอร์   Breadcrumb right  แนะนำการเทรดทางการเงิน   Breadcrumb right  วิธีการวิเคราะห์ข่าวการเงิน

วิธีการวิเคราะห์ข่าวการเงิน

คุณรู้หรือไม่ว่าการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ที่แท้จริงในปี 2024 ถูกปรับลดลง? แม้เรื่องแบบนี้อาจดูซับซ้อนในตอนแรกแต่การเข้าใจข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นทักษะสำคัญสำหรับนักเทรด เพราะข่าวการเงินคือหนึ่งในเครื่องมือทรงพลังที่สุดที่จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ทิศทางของตลาดได้อย่างแม่นยำและทันเวลา

ในบทเรียนนี้เราจะเรียนรู้ วิธีวิเคราะห์ และตีความข่าวเศรษฐกิจ พร้อมทั้งนำข้อมูลจากข่าวมาใช้ในการวางแผนการเทรดให้แม่นยำและทันสถานการณ์มากขึ้น

ข่าวการเงินคือปัจจัยสำคัญที่ ขับเคลื่อนตลาด ไม่ว่าจะเป็นนโยบายเศรษฐกิจใหม่ รายงานผลประกอบการของบริษัท หรือเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ ข่าวเหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลต่อทิศทางของตลาด และช่วยให้เทรดเดอร์ คาดการณ์แนวโน้มล่วงหน้า มองเห็นโอกาสในการเทรด และ บริหารความเสี่ยง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างเช่น:

  • รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง จากบริษัทใหญ่อาจส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้น

  • ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด อาจบ่งชี้ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งกระทบตลาดฟอเร็กซ์และตลาดพันธบัตร

  • วิกฤตทางการเมือง อาจลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน และกดดันตลาดให้ปรับตัวลง

การติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้คุณนำหน้าตลาดไปหนึ่งก้าวเสมอ

 

คำศัพท์ข่าวการเงินที่ควรรู้

ต่อไปนี้คือคำศัพท์พื้นฐานที่จะช่วยให้คุณเข้าใจข่าวการเงินและความเคลื่อนไหวของตลาดได้ง่ายขึ้น:

  • ตลาดกระทิง (Bull Market): สภาวะที่ราคาสินทรัพย์กำลังปรับตัวขึ้น หรือมีแนวโน้มจะขึ้นต่อ

  • ตลาดหมี (Bear Market): สภาวะที่ราคาสินทรัพย์กำลังปรับตัวลดลง หรืออยู่ในช่วงขาลง

  • ความผันผวน (Volatility): ระดับความถี่และความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงของราคา

  • สภาพคล่อง (Liquidity): ความง่ายในการซื้อหรือขายสินทรัพย์โดยไม่กระทบราคาตลาดมากนัก

  • กำไรต่อหุ้น (Earnings Per Share – EPS): กำไรของบริษัทหารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่ใช้เพื่อวัดความสามารถในการทำกำไรของบริษัท

  • มูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization): มูลค่ารวมของบริษัทในตลาด ซึ่งคำนวณจากราคาหุ้นคูณด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด

 

ดัชนีเศรษฐกิจที่พบได้บ่อย

ตัวชี้วัดเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงสุขภาพโดยรวมของเศรษฐกิจ และสามารถส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ได้:

  • ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP): วัดมูลค่ารวมของสินค้าและบริการทั้งหมดที่ผลิตได้ภายในประเทศ

  • อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate): ร้อยละของแรงงานที่ว่างงานและยังคงหางานอยู่ในระบบแรงงาน

  • ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI): วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสะท้อนแนวโน้มเงินเฟ้อ

  • อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Interest Rates): กำหนดโดยธนาคารกลางมีผลต่อค่าครองชีพ ต้นทุนการกู้ยืม และความเคลื่อนไหวในตลาดการเงิน

ดัชนีเศรษฐกิจที่พบได้บ่อย

 

วิเคราะห์ประเภทของข่าวการเงิน

ข่าวการเงินแต่ละประเภทส่งผลต่อตลาดไม่เหมือนกัน

มาดูกันว่าเราสามารถจำแนกข่าวเหล่านี้ออกเป็นกี่ประเภท และควรตีความอย่างไร

 

ข่าวผลประกอบการและข่าวของบริษัท

เมื่อบริษัทเผยแพร่รายงานผลประกอบการ นักลงทุนจะได้เห็น ภาพรวมของสถานะทางการเงิน ซึ่งอาจ    ส่งผลโดยตรงต่อราคาหุ้น

  • หากบริษัทมีกำไรสูงกว่าที่คาดไว้ ราคาหุ้นมักจะปรับตัว เพิ่มขึ้น

  • แต่หากผลประกอบการออกมาต่ำกว่าคาด ราคาหุ้นก็อาจปรับตัว ลดลง

ตัวอย่างเช่น : หากบริษัท X ประกาศกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนจำนวนมากอาจแห่เข้าซื้อหุ้น ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้น แต่ถ้าบริษัทแจ้งข่าวว่าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แล้วล้มเหลวราคาหุ้นก็อาจดิ่งลงอย่างรวดเร็ว

 

การเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจ

หน่วยงานภาครัฐและธนาคารกลางจะ ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเป็นระยะ ซึ่งมักมีอิทธิพลต่อ ค่าเงิน หุ้น และพันธบัตร

  • รายงาน GDP ที่แข็งแกร่ง มักส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นและตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้น

  • อัตราการว่างงานที่สูง อาจสะท้อน เศรษฐกิจอ่อนแอ ทำให้หุ้นร่วง

  • อัตราเงินเฟ้อ (CPI) ที่เพิ่มขึ้น อาจกระตุ้นให้ธนาคารกลาง ปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งมีผลต่อค่าเงินและตลาดตราสารหนี้

ตัวอย่างเช่น: หากธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศขึ้นดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มักจะแข็งค่าขึ้น เพราะนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น

 

เหตุการณ์ทางการเมืองและการเปลี่ยนแปลงนโยบาย

การตัดสินใจของรัฐบาลรวมถึงเหตุการณ์ระดับโลก สามารถสั่นคลอนตลาดได้

  • นโยบายที่เป็นมิตรกับภาคธุรกิจ มักช่วยหนุนราคาหุ้น

  • สงครามการค้าหรือมาตรการคว่ำบาตร อาจกดดันตลาด

  • การเลือกตั้งและความไม่แน่นอนทางการเมืองมักสร้าง ความกังวล ให้กับนักลงทุน

ตัวอย่าง: หากประธานาธิบดีคนใหม่ประกาศ นโยบายลดภาษี ตลาดหุ้นอาจตอบรับด้วยการพุ่งขึ้น ในทางกลับกันหากเกิดสงครามการค้าตลาดก็อาจปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว

 

แนวโน้มตลาดและความคิดเห็นจากนักวิเคราะห์

แนวโน้มตลาดช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจทิศทางระยะยาว ขณะที่ความคิดเห็นจากนักวิเคราะห์มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

  • หากนักวิเคราะห์ คาดการณ์เชิงบวกเกี่ยวกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นักลงทุนจำนวนมากอาจเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มนี้ส่งผลให้ ราคาปรับตัวสูงขึ้น

  • แต่หากบริษัทถูกปรับลดอันดับความน่าสนใจราคาหุ้นก็อาจลดลงตามแรงขายของนักลงทุน

ตัวอย่าง: หากนักวิเคราะห์คาดว่า อุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนจะเติบโตอย่างมาก หุ้นบริษัทโซลาร์อาจได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นและราคาปรับตัวสูงขึ้นตาม

 

วิธีแยกแยะข่าวปลอมและการปั่นตลาด

ไม่ใช่ทุกข่าวการเงินจะเชื่อถือได้บางข่าวอาจจงใจบิดเบือนเพื่อชักจูงนักลงทุนหรือปั่นราคาตลาด ต่อไปนี้คือวิธีหลีกเลี่ยงข่าวเท็จและกับดักการเก็งกำไร:

  • ตรวจสอบแหล่งข่าว: ให้ความสำคัญกับสำนักข่าวที่เชื่อถือได้ เช่น Bloomberg, Reuters หรือ CNBC มากกว่าข่าวลือบนโซเชียล

  • เช็กประกาศทางการ: ข่าวสำคัญ เช่น ควบรวมกิจการหรือผลประกอบการควรมีเผยแพร่บนเว็บไซต์ทางการหรือเอกสารของ ก.ล.ต.

  • ระวังข่าวโฆษณาชวนเชื่อ: หากมีการโปรโมตหุ้นตัวหนึ่งว่าจะเป็นดาวรุ่งอาจเป็นแผนปั่นหุ้นแล้ว     เทขาย (Pump-and-Dump)

  • หลีกเลี่ยงการตื่นตระหนกในโซเชียล: แพลตฟอร์มอย่าง Reddit, Twitter และ Telegram มักเป็นแหล่งข่าวลือและการเก็งกำไร

  • จับตาข่าวลือในตลาด: ข่าวลวงเรื่องผลประกอบการหรือการล้มละลายอาจทำให้เกิดความผันผวนโดยไม่จำเป็น

 

เคล็ดลับในการวิเคราะห์ข่าวการเงิน

  • เลือกติดตามข่าวจากสื่อที่ เชื่อถือได้ และรายงานเศรษฐกิจจากหน่วยงานทางการ

  • แยกให้ออก ระหว่างข้อมูลข้อเท็จจริง กับ ความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ หรือบทความเชิงคาดการณ์

  • อย่าตัดสินใจจากข่าวเพียงชิ้นเดียวพิจารณา ภาพรวมของตลาดและแนวโน้มเศรษฐกิจ ร่วมด้วย

  • กระจายแหล่งข่าวของคุณเพื่อให้ได้มุมมองที่รอบด้าน

  • รายงานเศรษฐกิจที่สำคัญ (เช่น GDP และอัตราว่างงาน) มักเผยแพร่ตามกำหนดเวลา ใช้เป็นแนวทางวางแผนการเทรดล่วงหน้าได้

  • ข่าวบางอย่างอาจใส่สีตีไข่เพื่อดึงดูดความสนใจจงโฟกัสที่ข้อเท็จจริงและข้อมูลที่อยู่ในเนื้อข่าว

 

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่ควรหลีกเลี่ยง

ในฐานะมือใหม่การเผลอทำพลาดเมื่ออ่านข่าวการเงินถือเป็นเรื่องปกติแต่เพื่อช่วยให้คุณเลี่ยงความผิดพลาดเหล่านั้น นี่คือข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นบ่อย:

  • ตัดสินใจเร็วเกินไป: รีบเทรดทันทีหลังเห็นพาดหัวข่าวอาจทำให้พลาดจังหวะและขาดทุนโดยไม่จำเป็น

  • ดูข่าวแค่จุดเดียว: ข่าวลบเพียงข่าวเดียวไม่ได้หมายความว่าตลาดทั้งระบบจะพังอย่าลืมดูภาพรวมก่อนตัดสินใจ

  • พึ่งแต่ข่าวอย่างเดียว: ข่าวมีประโยชน์แต่อย่าลืมใช้ควบคู่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน เพื่อความแม่นยำ

  • เลือกเชื่อเฉพาะสิ่งที่อยากได้ยิน: มองให้รอบด้านอย่าเสพแต่ข่าวที่ตรงกับสิ่งที่คุณเชื่อเพราะนั่นอาจทำให้มองข้ามความเสี่ยงที่สำคัญ

 

สรุปบทเรียน

  • ข่าวการเงินถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาดและแนวโน้มเศรษฐกิจ

  • การรู้จักคำศัพท์ตลาดพื้นฐานและดัชนีเศรษฐกิจจะช่วยให้คุณวิเคราะห์ข่าวได้แม่นยำยิ่งขึ้น

  • ข่าวแต่ละประเภทส่งผลต่อราคาตลาดแตกต่างกันตั้งแต่ รายงานผลประกอบการ ข้อมูลเศรษฐกิจ ไปจนถึงเหตุการณ์ทางการเมือง

  • ควรติดตามข่าวจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และพิจารณาภาพรวมของตลาดก่อนตัดสินใจ

  • หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบบ่อย เช่น การเทรดจากอารมณ์ หรืออ้างอิงข่าวเพียงอย่างเดียว

การตีความข่าวการเงินอย่างถูกต้องเป็นทักษะที่เทรดเดอร์ทุกคนควรมีเมื่อคุณฝึกฝนมากพอ คุณจะจับแนวโน้มได้เร็วขึ้น และใช้ข้อมูลจากข่าวเพื่อช่วยตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและมั่นใจยิ่งขึ้น

ในบทเรียนถัดไป — ซึ่งเป็นบทสุดท้ายของคอร์สนี้ — เราจะรวบรวมทุกสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มาตลอดทั้งคอร์ส และพาคุณไปสร้าง กลยุทธ์การเทรดที่มีโครงสร้างชัดเจน ใช้งานได้จริง เพื่อให้คุณพร้อมก้าวสู่โลกการเทรดได้อย่างมั่นใจ

ถัดไป: พัฒนากลยุทธ์การเทรดขั้นพื้นฐาน
บทเรียนถัดไป

การเรียนรู้ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้

อ่านบล็อกล่าสุดของเราเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับการเทรด มุมมองตลาด และกลยุทธ์การเทรดจริง บล็อกของ XS จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูล แรงบันดาลใจ และพร้อมสำหรับการเทรด