ตลาด
แพลตฟอร์ม
บัญชี
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
การแข่งขัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือการเทรด
แหล่งข้อมูล
เพิ่มพูนความรู้ของคุณด้วยคอร์สการเทรดออนไลน์ฟรีจาก
ในบทเรียนที่ 6 นี้ เราจะเจาะลึกถึงกรอบกฎหมายและหลักจริยธรรมที่มีความสำคัญต่อการซื้อขายหุ้นอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งเชื่อมโยงกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้วในบทก่อนหน้าเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงและการวิเคราะห์หุ้น โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของการปฏิบัติตามกฎระเบียบและหลักจริยธรรมในการซื้อขายให้ประสบความสำเร็จ
การซื้อขายหุ้นอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่ครอบคลุม ซึ่งมีขึ้นเพื่อรับรองความเป็นธรรม ความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือในตลาดการเงิน กฎระเบียบเหล่านี้มีบทบาทในการคุ้มครองนักลงทุน รักษาความเป็นระเบียบในตลาด และส่งเสริมเสถียรภาพทางการเงินในภาพรวม
หน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญ:
ในสหรัฐอเมริกา หน่วยงานหลักคือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลธุรกรรมหลักทรัพย์ ให้ตลาดการเงินดำเนินไปอย่างยุติธรรม โปร่งใส และป้องกันการทุจริตทุกรูปแบบ
ในสหราชอาณาจักร สำนักงานกำกับดูแลกิจการการเงิน (FCA) ทำหน้าที่คล้ายกัน โดยกำกับดูแลบริษัททางการเงินและตลาดหลักทรัพย์
ส่วนในออสเตรเลีย หน่วยงานที่รับผิดชอบคือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนแห่งออสเตรเลีย (ASIC) ซึ่งกำกับดูแลบริการทางการเงินและบริษัทต่าง ๆ ภายในประเทศ
ตัวอย่างเช่น XS.com ซึ่งเป็นโบรกเกอร์แบบหลายสินทรัพย์ก็อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานเหล่านี้ ได้แก่:
สำนักงานบริการทางการเงิน (FSA)
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนแห่งออสเตรเลีย (ASIC)
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ไซปรัส (CySEC)
องค์กรกำกับดูแลเหล่านี้ออกกฎและมาตรฐานที่ต้องปฏิบัติสำหรับบริษัทจดทะเบียนและผู้ให้บริการทางการเงิน พร้อมทั้งทำหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบ และควบคุมการดำเนินการของบริษัทและเทรดเดอร์ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามกฎหมาย
นอกจากนี้ หน่วยงานเหล่านี้ยังมีอำนาจในการสืบสวนและลงโทษบุคคลหรือบริษัทที่กระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ข้อมูลวงใน หรือการบิดเบือนข้อมูลทางการเงิน อีกทั้งยังให้ความรู้และคำแนะนำเพื่อช่วยให้นักลงทุนเข้าใจสิทธิและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นอีกด้วย
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีการออกกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อปกป้องนักลงทุน และรักษาความน่าเชื่อถือของตลาดการเงิน การเข้าใจสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญทั้งในแง่ของการปฏิบัติตามกฎหมายและการซื้อขายอย่างมีจริยธรรม
กฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้ในปี 2002 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์อื้อฉาวทางธุรกิจและบัญชีครั้งใหญ่ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความโปร่งใสของบริษัท และป้องกันการทุจริตทางบัญชี
ข้อกำหนดสำคัญของกฎหมายนี้ ได้แก่ การยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบบัญชีและการเปิดเผยข้อมูล เพิ่มความรับผิดชอบของผู้บริหารระดับสูง และเสริมการกำกับดูแลสำนักงานบัญชีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
กฎหมาย Dodd-Frank ถูกประกาศใช้ในปี 2010 หลังจากเกิดวิกฤตการเงินในปี 2008 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อลดความเสี่ยงในระบบการเงินของสหรัฐฯ กฎหมายนี้ประกอบด้วยมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันพฤติกรรมที่รับความเสี่ยงมากเกินไปและขาดความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของวิกฤตดังกล่าว
ภายใต้กฎหมายนี้มีการจัดตั้ง สภากำกับดูแลเสถียรภาพทางการเงิน (Financial Stability Oversight Council) และ สำนักคุ้มครองผู้บริโภคทางการเงิน (Consumer Financial Protection Bureau) รวมถึงการนำมาตรฐานที่เข้มงวดขึ้นมาใช้ และเพิ่มการกำกับดูแลสถาบันการเงินอย่างใกล้ชิด
MiFID II หรือชื่อเต็มว่า Markets in Financial Instruments Directive II คือกรอบกฎหมายสำคัญของสหภาพยุโรปที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2018 โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมตลาดการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเสริมสร้างความคุ้มครองให้กับนักลงทุน
ภายใต้กฎหมายฉบับนี้ ได้มีการขยายขอบเขตจาก MiFID เดิมให้ครอบคลุมถึงอนุพันธ์สินค้าโภคภัณฑ์ และ เงินฝากที่มีโครงสร้างซับซ้อนรวมถึงกำหนดให้มีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้นในการซื้อขายสินทรัพย์ทั้งที่เป็นตราสารทุน (equity) และไม่ใช่ตราสารทุน (non-equity) อีกทั้งยังวางกฎเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลและการทำการซื้อขาย
กฎหมาย MiFID II ส่งผลให้ตลาดหุ้นในยุโรปมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น มาตรฐานการรายงานที่เข้มงวดขึ้น, ความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้น, และ การคุ้มครองนักลงทุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
การซื้อขายหุ้นอย่างมีจริยธรรม หมายถึงการดำเนินธุรกรรมด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และโปร่งใส โดยไม่เพียงแต่ปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังต้องเคารพหลักความยุติธรรมและความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนร่วมรายอื่นในตลาด
การรักษามาตรฐานจริยธรรมถือเป็นรากฐานสำคัญของเสถียรภาพและความมั่นคงของตลาดการเงินในระยะยาว เพราะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ส่งเสริมความไว้วางใจ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการตัดสินใจลงทุนโดยอิงจากข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน
ในทางกลับกัน พฤติกรรมที่ขาดจริยธรรมอาจนำไปสู่การบิดเบือนตลาด เกิดความได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรม และบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งอาจนำไปสู่ความปั่นป่วนหรือวิกฤตทางการเงิน
การซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายใน (Insider Trading): หมายถึงการซื้อหรือขายหุ้นโดยใช้ ข้อมูลสำคัญที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ เช่น ข้อมูลงบการเงินหรือแผนควบรวมกิจการ เพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งเป็นการบิดเบือนความยุติธรรมในตลาด และถือว่าผิดกฎหมาย
การปั่นราคาหุ้น (Market Manipulation): คือการดำเนินกิจกรรม เช่น การเผยแพร่ข่าวลือเท็จ หรือการซื้อขายแบบจงใจเพื่อชักจูงให้ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงโดยไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ถือเป็นการบิดเบือนราคาตลาด
การซื้อขายแซงหน้าลูกค้า (Front Running): เกิดขึ้นเมื่อโบรกเกอร์ซื้อขายหุ้นเพื่อตัวเองก่อนที่จะดำเนินการคำสั่งซื้อของลูกค้า โดยอาศัยความได้เปรียบจากการรู้ข้อมูลคำสั่งที่กำลังจะถูกส่งเข้าสู่ตลาด
การซื้อขายเกินความจำเป็น (Churning): คือการที่โบรกเกอร์หรือผู้จัดการบัญชีทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีลูกค้าอย่างมากเกินไป โดยมีจุดประสงค์เพื่อเก็บค่าคอมมิชชั่น ไม่ใช่เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้า ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ผิดจริยธรรมและผิดกฎหมาย
การกระทำที่ขาดจริยธรรม เช่น การใช้ข้อมูลภายใน การปั่นราคาหุ้น หรือการฉ้อโกง อาจนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมายที่รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นค่าปรับจำนวนมาก การถูกเรียกคืนผลประโยชน์ที่ได้มาโดยมิชอบ หรือแม้กระทั่งโทษจำคุกในกรณีร้ายแรง
หน่วยงานกำกับดูแล เช่น SEC (สหรัฐฯ) FCA (สหราชอาณาจักร) หรือ ASIC (ออสเตรเลีย) มีอำนาจในการสืบสวนและดำเนินคดีกับบุคคลหรือบริษัทที่ละเมิดกฎหมายและระเบียบการซื้อขาย
นอกจากบทลงโทษทางกฎหมายแล้ว การเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรม ยังอาจทำลายชื่อเสียงของนักเทรดหรือบริษัทแบบไม่อาจกู้คืนได้ ความสูญเสียความไว้วางใจจากสาธารณะอาจส่งผลให้ธุรกิจหดตัว หาคู่ค้าร่วมงานยากขึ้น และต้องเผชิญกับภาพลักษณ์เชิงลบในระยะยาว
พฤติกรรมที่ขาดจริยธรรมมักตามมาด้วยต้นทุนทางการเงินมหาศาล ไม่เพียงแค่ค่าปรับหรือบทลงโทษ แต่ยังรวมถึงรายได้ที่สูญเสียจากความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่เสียหาย ทั้งกับนักลงทุนและลูกค้า
หน่วยงานกำกับดูแลอย่าง SEC, FCA และ ASIC ทำหน้าที่บังคับใช้กฎระเบียบการซื้อขาย และคุ้มครองผลประโยชน์ของนักลงทุน
กฎหมายสำคัญ เช่น Sarbanes-Oxley และ Dodd-Frank มีบทบาทในการสร้างความโปร่งใสและความยุติธรรมในตลาด
การปฏิบัติตามกฎหมายในกระบวนการซื้อขายช่วยหลีกเลี่ยงบทลงโทษทางกฎหมาย
การซื้อขายอย่างมีจริยธรรม ต้องอาศัยความซื่อตรงและความยุติธรรมในทุกการดำเนินการ
พฤติกรรมอย่างการใช้ข้อมูลภายในและการปั่นราคาหุ้น ถือเป็นการบิดเบือนความเป็นธรรมในตลาด
พฤติกรรมที่ขาดจริยธรรมอาจนำไปสู่บทลงโทษ เช่น ค่าปรับจำนวนมาก หรือโทษจำคุก
ชื่อเสียงของบุคคลหรือองค์กรอาจได้รับความเสียหายอย่างถาวรจากการกระทำที่ผิดจริยธรรม
ผลกระทบทางการเงินจากการละเมิดจริยธรรม รวมถึงค่าปรับและการสูญเสียรายได้จากธุรกิจ
โดยสรุปแล้ว พฤติกรรมที่ขาดจริยธรรมและการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบในการซื้อขายหุ้น อาจส่งผลรุนแรงในหลายมิติ ไม่เพียงแต่โทษทางกฎหมายและการเงินในระยะสั้น แต่ยังรวมถึงความเสียหายด้านชื่อเสียงในระยะยาว และผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดโดยรวม ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการยึดมั่นในหลักจริยธรรมและการปฏิบัติตามกฎหมายในการซื้อขายหุ้นอย่างแท้จริง
พจนานุกรมคำศัพท์ของเราช่วยอธิบายคำศัพท์การเทรดที่ซับซ้อนให้ง่ายต่อความเข้าใจ เรียนรู้คำสำคัญที่นักเทรดทุกคนควรรู้
อ่านบล็อกล่าสุดของเราเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับการเทรด มุมมองตลาด และกลยุทธ์การเทรดจริง บล็อกของ XS จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูล แรงบันดาลใจ และพร้อมสำหรับการเทรด