Facebook Pixel
Logo

คอร์สการเทรดออนไลน์ของ XS

เพิ่มพูนความรู้ของคุณด้วยคอร์สการเทรดออนไลน์ฟรีจาก

โซลูชั่นก็อปปี้เทรด
หน้าหลัก   Breadcrumb right  คอร์   Breadcrumb right  บทนำสู่ การเทรดหุ้น   Breadcrumb right  จิตวิทยาในการซื้อขายหุ้น

จิตวิทยาในการซื้อขายหุ้น

ในบทเรียนนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า “ปัจจัยทางจิตวิทยา” ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อขายอย่างไร โดยต่อยอดจากสิ่งที่ได้เรียนรู้มาก่อนหน้านี้ ด้วยการเจาะลึกถึงผลกระทบของอารมณ์และอคติทางความคิดที่มีต่อพฤติกรรมการเทรด พร้อมแนะนำกลยุทธ์ที่ช่วยจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

พื้นฐานของการเงินเชิงพฤติกรรม

ก่อนที่เราจะลงลึกถึงผลกระทบทางจิตวิทยาในการซื้อขายหุ้น สิ่งสำคัญคือการเข้าใจพื้นฐานของแนวคิดที่เรียกว่า การเงินเชิงพฤติกรรมเสียก่อน ซึ่งเป็นสาขาย่อยของวิชาการเงินที่มุ่งทำความเข้าใจและอธิบายว่า อิทธิพลทางจิตวิทยาและอคติทางความคิดส่งผลต่อพฤติกรรมทางการเงินของนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินอย่างไร การทำความเข้าใจในเรื่องนี้จะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ในบทถัดไป

สิ่งที่ควรสังเกตคือ การเงินเชิงพฤติกรรมมีมุมมองที่แตกต่างจากแบบจำลองทางการเงินแบบดั้งเดิม โดยแนวคิดดั้งเดิมมักตั้งสมมติฐานว่านักลงทุนตัดสินใจอย่างมีเหตุผลเสมอ ขณะที่การเงินเชิงพฤติกรรมยอมรับว่าในความเป็นจริง นักลงทุนอาจไม่ได้มีเหตุผลตลอดเวลา และมักได้รับอิทธิพลจากอารมณ์หรืออคติของตนเอง มุมมองที่เปลี่ยนไปนี้เอง คือกุญแจสำคัญสู่การเข้าใจจิตวิทยาในการซื้อขายหุ้น

 

แนวคิดสำคัญในด้านการเงินเชิงพฤติกรรม

  • Herd Mentality (พฤติกรรมเลียนแบบฝูงชน): พฤติกรรมนี้เกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนตัดสินใจตามสิ่งที่คนอื่นทำ แทนที่จะวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตนเองอย่างเป็นอิสระ ซึ่งมักนำไปสู่ภาวะฟองสบู่หรือการร่วงลงของตลาดหุ้น เนื่องจากเกิดการแห่ซื้อหรือขายพร้อมกันในวงกว้าง

  • Overconfidence (ความมั่นใจเกินจริง): นักลงทุนจำนวนมากเชื่อว่าตนสามารถคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นได้แม่นยำกว่าความเป็นจริง ส่งผลให้เกิดการซื้อขายมากเกินไป และยอมรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ความมั่นใจเกินจริงอาจทำให้นักลงทุนละเลยการกระจายความเสี่ยง หรือมองข้ามข้อมูลสำคัญในตลาด

  • Loss Aversion (ความกลัวการขาดทุน): นักลงทุนมักกลัวการขาดทุนมากกว่าที่จะให้ความสำคัญกับผลกำไร ซึ่งอาจทำให้ถือหุ้นที่กำลังขาดทุนนานเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงการยอมรับความสูญเสีย หรือรีบขายหุ้นที่กำลังมีกำไรเร็วเกินไปเพื่อล็อกผลตอบแทน

  • Anchoring (อคติจากจุดยึด): เป็นแนวโน้มที่นักลงทุนจะยึดติดกับจุดอ้างอิงเดิม แม้ข้อมูลนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ เช่น การยึดติดกับราคาหุ้นตอนที่ซื้อมา ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจว่าจะถือหรือขายหุ้น แม้สถานการณ์ตลาดในปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

โดยสรุป การเงินเชิงพฤติกรรมเป็นสาขาสำคัญที่ผสมผสานจิตวิทยาและการเงินเข้าด้วยกัน เพื่อทำความเข้าใจให้ดีขึ้นว่าอคติทางอารมณ์และความคิดส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจทางการเงินอย่างไร

 

อิทธิพลทางอารมณ์ในการซื้อขายหุ้น

อิทธิพลทางอารมณ์ในการซื้อขายหุ้น หมายถึงการที่ความรู้สึกส่วนตัวส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุน การตระหนักรู้และจัดการกับอารมณ์เหล่านี้อย่างเหมาะสมจึงมีความสำคัญ เพราะหากปล่อยให้ครอบงำ ก็อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไร้เหตุผล และเบี่ยงเบนจากกลยุทธ์การลงทุนที่มีเหตุผลรองรับ

ในโลกของการซื้อขาย อารมณ์ต่าง ๆ ล้วนมีบทบาทต่อการตัดสินใจ โดยแต่ละอารมณ์ส่งผลในรูปแบบเฉพาะ เช่น ความกลัว มักเกิดจากความกังวลว่าจะขาดทุนหรือเสียโอกาสในการทำกำไร ส่งผลให้นักเทรดรีบขายหุ้นทิ้งในช่วงตลาดปรับตัวลง หรือไม่กล้าลงทุนในโอกาสที่อาจสร้างผลตอบแทน

ความโลภ มักแสดงออกผ่านความต้องการผลกำไรจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว อารมณ์นี้อาจผลักดันให้นักเทรดรับความเสี่ยงเกินควร หรือถือสถานะไว้นานเกินไปด้วยความคาดหวังจะได้ผลตอบแทนสูงกว่าเดิม

ความหวัง มักเกิดขึ้นเมื่อยังคงถือสถานะที่ขาดทุนไว้ ด้วยความเชื่อว่าราคาจะฟื้นตัวในภายหลัง ซึ่งมักทำให้เกิดการขาดทุนเพิ่มขึ้น เพราะลังเลที่จะยอมรับการขาดทุนเล็กน้อยตั้งแต่ต้น

ความเสียใจ โดยเฉพาะหลังจากเกิดการขาดทุน อาจนำไปสู่ท่าทีที่ระมัดระวังเกินไป หรือในทางตรงกันข้าม คือการเกิดพฤติกรรมที่เรียกว่า การเทรดล้างแค้น’ (revenge trading) ซึ่งหมายถึงการเร่งเอาทุนคืนโดยขาดการไตร่ตรอง และมักจบลงด้วยความเสียหายที่รุนแรงกว่าเดิม

 

อคติทางความคิดกับการซื้อขายหุ้น

อคติทางความคิด หมายถึงทางลัดทางจิตที่สมองใช้ในการตัดสินใจ ซึ่งมักนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล อคติเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการซื้อขายหุ้น เพราะสามารถบิดเบือนการรับรู้ และส่งผลต่อกระบวนการตัดสินใจ จนนำไปสู่การตัดสินใจในการซื้อขายที่ไม่มีประสิทธิภาพ

อคติทางความคิดที่พบบ่อยในการซื้อขายหุ้น:

  • Confirmation Bias (อคติยืนยันความเชื่อเดิม): คือแนวโน้มที่ผู้ลงทุนมักมองหา ตีความ และจดจำเฉพาะข้อมูลที่สนับสนุนความเชื่อหรือสมมติฐานที่มีอยู่เดิม ในบริบทของการซื้อขาย อคตินี้อาจแสดงออกโดยการเลือกอ่านเฉพาะบทวิเคราะห์ที่เห็นด้วยกับการตัดสินใจลงทุนของตนเอง และเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ขัดแย้ง

  • Hindsight Bias (อคติย้อนทบทวน): หรือที่เรียกว่า "รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้" เป็นอคติที่ทำให้ผู้เทรดเชื่อว่า หลังจากเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว ตนเองสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ส่งผลให้เกิดความมั่นใจเกินจริงในความสามารถของตน และอาจประเมินความเสี่ยงผิดพลาดในการลงทุนครั้งต่อไป

  • Anchoring Bias (อคติยึดติดจุดอ้างอิง): เกิดขึ้นเมื่อผู้ลงทุนให้ความสำคัญกับข้อมูลเริ่มต้นบางอย่างมากเกินไป (หรือที่เรียกว่า “จุดยึด”) เช่น ราคาหุ้นตอนที่ซื้อมา ซึ่งอาจมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้น โดยไม่สนใจสภาพความเป็นจริงของตลาดในปัจจุบัน

  • Overconfidence Bias (อคติมั่นใจเกินจริง): นักลงทุนที่มีอคตินี้มักประเมินความรู้ของตนสูงเกินไป ประเมินความเสี่ยงต่ำเกินจริง และคิดว่าตนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้มากกว่าความเป็นจริง ส่งผลให้เกิดการซื้อขายมากเกินความจำเป็น และรับความเสี่ยงโดยปราศจากการวิเคราะห์อย่างรอบด้าน

อคติทางความคิดเหล่านี้สามารถนำไปสู่ความผิดพลาดในกลยุทธ์การลงทุนแบบเป็นระบบ เช่น การมีอคติยืนยันความเชื่อเดิมอาจทำให้นักลงทุนมองข้ามสัญญาณเตือนที่สำคัญเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัท จนนำไปสู่การตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาด

นอกจากนี้ อคติเหล่านี้ยังอาจกลายเป็นกับดักทางจิตวิทยา ที่ทำให้นักลงทุนทำผิดซ้ำ ๆ นำไปสู่รูปแบบการขาดทุนที่ซ้ำซาก และความรู้สึกท้อแท้ในการลงทุน

 

การจัดการอารมณ์และอคติในการซื้อขายหุ้น

ก้าวแรกของการจัดการอารมณ์และอคติในการซื้อขายหุ้น คือการตระหนักถึงการมีอยู่ของมัน นักเทรดต้องฝึกการรู้เท่าทันตนเอง เพื่อให้สามารถระบุได้ว่าเมื่อใดที่การตัดสินใจของตนกำลังถูกชักนำด้วยอารมณ์ เช่น ความกลัว ความโลภ หรืออคติต่าง ๆ เช่น ความมั่นใจเกินจริง หรืออคติยืนยันความเชื่อเดิม

 

เทคนิคในการจัดการอารมณ์

  • การวางแผนการเทรด: การสร้างแผนการซื้อขายที่ชัดเจน มีเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้าสำหรับการเข้าและออกจากสถานะ จะช่วยสร้างกรอบในการตัดสินใจ เพื่อลดการซื้อขายโดยใช้อารมณ์

  • การจดบันทึกการเทรด: การจดบันทึกรายละเอียดของการซื้อขายแต่ละครั้ง พร้อมทั้งบันทึกสภาพอารมณ์และกระบวนการคิดในขณะตัดสินใจ จะช่วยให้มองเห็นว่าอารมณ์และอคติส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อขายอย่างไร

  • การมีสติและการทบทวนตนเอง: การฝึกสติ เช่น การทำสมาธิแบบมีสติ สามารถช่วยพัฒนาการควบคุมอารมณ์ ทำให้ยังคงความสงบและมีสมาธิระหว่างการเทรดได้ นอกจากนี้ การทบทวนการตัดสินใจที่ผ่านมายังช่วยให้นักเทรดสามารถระบุรูปแบบทางอารมณ์ที่ควรได้รับการจัดการเพิ่มเติม

 

กลยุทธ์เพื่อลดอคติในการซื้อขาย

  • การเปิดรับมุมมองที่หลากหลาย: การแสวงหาข้อมูลและความคิดเห็นที่แตกต่างจากความเชื่อของตนอย่างตั้งใจ ช่วยลดอคติยืนยันความเชื่อเดิม และส่งเสริมการตัดสินใจที่รอบด้านยิ่งขึ้น

  • การเรียนรู้เกี่ยวกับอคติ: การศึกษาเกี่ยวกับอคติทางความคิดในรูปแบบต่าง ๆ และลักษณะที่อคติเหล่านี้ส่งผลต่อการตัดสินใจในการซื้อขาย จะช่วยเพิ่มการตระหนักรู้ และสามารถสังเกตเห็นอคติได้ชัดเจนขึ้น

  • การใช้ระบบตรวจสอบอย่างเป็นระบบ: การใช้เครื่องมืออย่างเช็กลิสต์หรืออัลกอริทึมในการวิเคราะห์การซื้อขาย จะช่วยเพิ่มมุมมองที่เป็นกลาง และลดอิทธิพลของอคติต่าง ๆ ที่อาจแทรกซึมเข้ามาในการตัดสินใจ

 

การสร้างสมดุลทางอารมณ์และความคิดในการซื้อขายหุ้น

การสร้างสมดุลระหว่างอารมณ์และอคติในการซื้อขายหุ้นเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยทั้งการเตรียมพร้อม การมีสติรู้เท่าทันตนเอง และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง นักลงทุนควรพยายามผสานระหว่างสัญชาตญาณทางอารมณ์และการวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล เพื่อใช้ทั้งสองด้านเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ โดยไม่ให้อารมณ์หรือเหตุผลเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอิทธิพลเกินไป

สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าไม่มีนักลงทุนคนใดที่ปลอดจากอิทธิพลของอารมณ์หรืออคติทางความคิดอย่างสิ้นเชิง แต่อาศัยการตระหนักรู้และวินัยในการปฏิบัติ จะสามารถลดผลกระทบของสิ่งเหล่านี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ

โดยสรุป การบริหารจัดการอารมณ์และอคติเป็นทักษะสำคัญในการซื้อขายหุ้น การพัฒนากลยุทธ์เพื่อตรวจจับและลดอิทธิพลของสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น และนำไปสู่ผลลัพธ์ในการซื้อขายที่ดีขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมสุขภาพจิตโดยรวมได้ในระยะยาว

 

สรุปบทเรียน

  • การเงินเชิงพฤติกรรม เป็นศาสตร์ที่ศึกษาว่าอารมณ์และอคติมีผลต่อพฤติกรรมนักลงทุนอย่างไร ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดการเงินแบบดั้งเดิมที่มองว่านักลงทุนตัดสินใจอย่างมีเหตุผลเสมอ

  • ความกลัว อาจนำไปสู่การขายหุ้นแบบตื่นตระหนก ความโลภ อาจผลักดันให้รับความเสี่ยงมากเกินไป ความหวัง อาจทำให้ถือหุ้นที่ขาดทุนไว้นานเกินควร และความเสียใจอาจทำให้เทรดอย่างระมัดระวังเกินไปหรือหุนหันพลันแล่น

  • อคติที่พบได้บ่อย ได้แก่ อคติยืนยันความเชื่อเดิม (มองหาแต่ข้อมูลที่สนับสนุนความเชื่อของตน)อคติย้อนทบทวน (เชื่อว่าหลังเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ตนเองเคยรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนั้น) อคติยึดติดจุดอ้างอิง (ยึดติดกับข้อมูลเริ่มต้น) และอคติมั่นใจเกินจริง (ประเมินความสามารถของตนสูงเกินจริง

  • การเข้าใจอารมณ์และอคติของตนเองเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจที่มีเหตุผล

โดยสรุป ปัจจัยทางจิตวิทยา เช่น อารมณ์และอคติทางความคิด สามารถส่งผลอย่างมากต่อการตัดสินใจในการซื้อขาย การตระหนักรู้และบริหารจัดการอิทธิพลเหล่านี้ด้วยกลยุทธ์ที่เป็นระบบและการรู้เท่าทันตนเอง จึงเป็นกุญแจสู่การตัดสินใจลงทุนที่มีเหตุผลและมีประสิทธิภาพ

ถัดไป: การพัฒนากลยุทธ์ด้านการลงทุน
บทเรียนถัดไป

การเรียนรู้ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้

อ่านบล็อกล่าสุดของเราเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับการเทรด มุมมองตลาด และกลยุทธ์การเทรดจริง บล็อกของ XS จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูล แรงบันดาลใจ และพร้อมสำหรับการเทรด