ตลาด
แพลตฟอร์ม
บัญชี
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
การแข่งขัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือการเทรด
แหล่งข้อมูล
เพิ่มพูนความรู้ของคุณด้วยคอร์สการเทรดออนไลน์ฟรีจาก
ยินดีต้อนรับเข้าสู่บทเรียนแรกของคอร์ส การเทรดหุ้นเบื้องต้น ตลาดหุ้นอาจดูซับซ้อนในช่วงแรก แต่การทำความเข้าใจวิธีการทำงานของตลาดหุ้นคือก้าวสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างชาญฉลาด
ในบทนี้ คุณจะได้เรียนรู้แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับตลาดหุ้น ประวัติความเป็นมา และคำศัพท์สำคัญที่เทรดเดอร์ทุกคนควรรู้
เพื่อให้เข้าใจการซื้อขายหุ้นในปัจจุบันได้ดีขึ้น เราควรมองย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น แนวคิดของการซื้อขายนั้นเกิดขึ้นจาก การแลกเปลี่ยนสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ ในตลาดโบราณ อย่างไรก็ตาม การซื้อขายหุ้นในรูปแบบสมัยใหม่เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1602 จากการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam Stock Exchange)
เหตุการณ์นี้นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เพราะเป็นครั้งแรกที่ผู้คนสามารถ ซื้อและขายหุ้นของบริษัทได้ แนวคิดที่แปลกใหม่นี้ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถระดมเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสามารถลงทุนด้วยความหวังที่จะได้รับผลตอบแทน
เมื่อโมเดลนี้ได้รับความนิยม บริษัทต่างๆ ก็เริ่มออกหุ้นมากขึ้น นำไปสู่การพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ที่มีระบบระเบียบ เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายหุ้นเหล่านี้
การทำความเข้าใจตลาดหุ้นจะง่ายขึ้นหากแบ่งออกเป็นแนวคิดที่เรียบง่ายและชัดเจน แม้ตลาดหุ้นจะดูซับซ้อน แต่โดยพื้นฐานแล้วตลาดหุ้นคือระบบที่บุคคลและสถาบันต่างๆ เข้ามาซื้อและขายหุ้น หรือส่วนของการเป็นเจ้าของบริษัท
หุ้น (Stock) หรือที่เรียกอีกอย่างว่า หุ้นสามัญ (Share) หรือ ตราสารทุน (Equity) คือเครื่องมือทางการเงินที่แสดงถึงการเป็นเจ้าของบางส่วนในบริษัท เมื่อคุณซื้อหุ้น คุณกำลังซื้อส่วนหนึ่งของบริษัทนั้น ซึ่งเรียกว่าหุ้น นั่นเอง
แล้วการเป็นเจ้าของหุ้นหมายถึงอะไร?
การเป็นเจ้าของหุ้น หมายถึงคุณมีสิทธิในทรัพย์สินและผลกำไรของบริษัทตามสัดส่วนของหุ้นที่คุณถืออยู่ ซึ่งจำนวนหุ้นที่คุณถือเมื่อเทียบกับจำนวนหุ้นทั้งหมดที่บริษัทออก จะเป็นตัวกำหนดว่าคุณเป็นเจ้าของในสัดส่วนเท่าใด
ลองดูตัวอย่างเพื่อความเข้าใจมากขึ้น: สมมติว่าคุณต้องการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple
เมื่อคุณซื้อหุ้นของ Apple คุณจะกลายเป็นหนึ่งในเจ้าของร่วมของบริษัท
หากบริษัทมีกำไรและเติบโตขึ้น มูลค่าของหุ้นที่คุณถืออยู่ก็อาจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
แต่อย่าลืมว่า การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยง เพราะตลาดอาจมีความผันผวน และมูลค่าหุ้นสามารถเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลงได้
คุณอาจสงสัยว่าหุ้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร คำตอบคือ บริษัทสามารถสร้างหุ้นได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก หรือ IPO (Initial Public Offering)—ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทนำหุ้นของตนออกเสนอขายให้กับสาธารณะ กระบวนการนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้บริษัทเปลี่ยนสถานะจากบริษัทเอกชนไปเป็นบริษัทมหาชน
คำว่า “Private to public” มีความหมายว่าอย่างไร?
โดยปกติแล้ว บริษัทเอกชนจะมีเจ้าของเป็นผู้ก่อตั้ง นักลงทุนรายแรก ๆ และกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนน้อย เช่น พนักงาน ในระยะนี้ หุ้นของบริษัทยังไม่เปิดให้สาธารณะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์
ผู้ถือหุ้นกลุ่มแรกเหล่านี้มีส่วนได้ส่วนเสียในบริษัท แต่ไม่สามารถซื้อหรือขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สาธารณะได้
เมื่อบริษัทเติบโตและต้องการเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายกิจการต่อไป บริษัทอาจตัดสินใจแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งหมายถึงต้องการขายหุ้นให้แก่สาธารณะ ณ จุดนี้ บริษัทจะดำเนินการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก หรือ IPO
ตลาดหลักทรัพย์คือตลาดที่มีการซื้อขายหุ้นเป็นสภาพแวดล้อมที่มีการจัดระเบียบและอยู่ภายใต้การกำกับดูแล เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปอย่างยุติธรรม โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ
ตลาดหลักทรัพย์ช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อขายหุ้นของบริษัท กำหนดราคาตามอุปสงค์และอุปทาน และเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงนักลงทุนเข้ากับบริษัทที่จดทะเบียน
ตามที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ บริษัทจะกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้โดยการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อบริษัทเข้าจดทะเบียนแล้ว หุ้นของบริษัทสามารถถูกซื้อขายได้ทั้งโดยนักลงทุนรายบุคคลและนักลงทุนสถาบัน
ตัวอย่างเช่น เมื่อ Apple เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แล้วได้รับผลตอบรับที่ดี คนจำนวนมากอาจต้องการซื้อหุ้นของ Apple ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้สามารถทำให้ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นได้
ต่อไปนี้คือตลาดหลักทรัพย์สำคัญบางแห่งทั่วโลก:
ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE): NYSE ซึ่งตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ก เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงที่สุดในโลก
NASDAQ: เป็นที่รู้จักในฐานะตลาดสำหรับบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทที่ดำเนินธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก NASDAQ เป็นตลาดอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์
ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (LSE): NYSE เป็นหนึ่งในตลาดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์จึงเป็นช่องทางที่ช่วยให้บริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทสามารถระดมทุนจากนักลงทุนจำนวนมากเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจและขยายกิจการ
ดัชนีตลาดหุ้นคือดัชนีชี้วัดสำคัญที่ใช้ในการวัดและติดตามผลการดำเนินงานของกลุ่มหุ้นเฉพาะกลุ่ม ดัชนีเหล่านี้ให้ภาพรวมว่าส่วนใดของตลาดกำลังมีแนวโน้มเป็นอย่างไร ซึ่งช่วยให้นักลงทุนประเมินทิศทางโดยรวมของตลาดได้
ตัวอย่างเช่น ดัชนี S&P 500 (Standard & Poor’s 500 Index) แสดงถึงบริษัทที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 500 แห่งที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เมื่อดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยทั่วไปหมายความว่าค่าเฉลี่ยราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้เพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในตลาดที่เป็นบวก
ดัชนีสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนีดาวโจนส์ (DJIA) ซึ่งติดตามบริษัทหลัก 30 แห่งของสหรัฐฯ, ดัชนี NASDAQ Composite ซึ่งครอบคลุมหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจำนวนมาก, และดัชนี FTSE 100 ซึ่งติดตาม 100 บริษัทชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน
ต่อไปนี้คือคำศัพท์เกี่ยวกับตลาดหุ้นที่คุณควรรู้ก่อนเรียนบทต่อไป:
หุ้น (Share): หุ้นคือส่วนหนึ่งของความเป็นเจ้าของในบริษัท
เงินปันผล (Dividend): เงินปันผลคือส่วนแบ่งกำไรของบริษัทที่มอบให้แก่ผู้ถือหุ้น
ตลาดขาขึ้น (Bull Market): ตลาดขาขึ้นคือช่วงเวลาที่ราคาหุ้นโดยรวมกำลังเพิ่มสูงขึ้น
ตลาดขาลง (Bear Market): ตลาดขาลงคือช่วงเวลาที่ราคาหุ้นโดยรวมกำลังลดลง
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization): หมายถึงมูลค่ารวมทั้งหมดของหุ้นของบริษัทเมื่อรวมกัน
นายหน้า (Broker): หมายถึงบุคคลหรือบริษัทที่ทำหน้าที่ซื้อขายหุ้นแทนผู้อื่น
ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume): คือจำนวนหุ้นที่มีการซื้อขายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio - Price-to-Earnings Ratio): เป็นการเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นของบริษัทกับกำไรต่อหุ้น
สภาพคล่อง (Liquidity): หมายถึงความง่ายในการซื้อหรือขายหุ้นโดยไม่ทำให้ราคาผันผวนมาก
ให้คุณใช้รายการนี้เป็นแหล่งสรุปสั้น ๆ สำหรับแนวคิดพื้นฐานที่คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นในบทเรียนถัดไป
อย่างที่เห็น การลงทุนในตลาดหุ้นมีทั้งโอกาสในการได้รับผลตอบแทนและความเสี่ยง
การเข้าใจสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้นต่อไปนี้คือความเสี่ยงและผลตอบแทนที่สำคัญบางประการ:
กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gains): หนึ่งในผลตอบแทนที่สำคัญที่สุดของการซื้อขายหุ้นคือโอกาสในการได้กำไรจากส่วนต่างราคา ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้นจากราคาที่ซื้อ
รายได้จากเงินปันผล (Dividend Income): หุ้นบางตัวจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำหรับนักลงทุน
การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน (Portfolio Diversification): หุ้นช่วยให้สามารถกระจายการลงทุนในพอร์ตได้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงโดยรวม
การเป็นเจ้าของในบริษัท (Ownership in Companies): การซื้อหุ้นหมายถึงคุณเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของบริษัท ซึ่งให้คุณมีส่วนร่วมในศักยภาพการเติบโตและความสำเร็จของบริษัทนั้น
ความเสี่ยงจากตลาด (Market Risk): ตลาดหุ้นอาจมีความผันผวน โดยราคาหุ้นอาจเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาวะเศรษฐกิจ เหตุการณ์ทางการเมือง หรือข่าวเฉพาะของบริษัท
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk): หุ้นบางตัวอาจขายออกได้ยากในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยไม่ทำให้ราคาผันผวน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวนหรืออยู่ในภาวะขาลง
ความเสี่ยงเฉพาะบริษัท (Company-Specific Risk): ผลการดำเนินงานของบริษัทแต่ละแห่งอาจส่งผลต่อราคาหุ้นได้ ซึ่งหากบริษัทมีผลประกอบการไม่ดีหรือมีข่าวลบ ราคาหุ้นก็อาจลดลง
ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ (Inflation Risk): เงินเฟ้ออาจส่งผลให้มูลค่าของรายได้ในอนาคตจากการลงทุนในหุ้นลดลง
ตลาดหุ้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายศตวรรษก่อนจากการซื้อขายสินค้า
ตลาดหุ้นเป็นระบบสำหรับการซื้อและขายหุ้นของบริษัท
หุ้นเป็นตัวแทนของความเป็นเจ้าของในบริษัท
บริษัทเปลี่ยนสถานะจากเอกชนเป็นมหาชนผ่านการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก (IPO) ซึ่งทำให้สามารถซื้อขายหุ้นในตลาดได้
ตลาดหลักทรัพย์ เช่น NYSE, NASDAQ และ LSE เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายหุ้น
ดัชนีชี้วัด เช่น S&P 500, DJIA และ NASDAQ Composite ใช้วัดภาพรวมของตลาด
เมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานของตลาดหุ้นแล้ว บทเรียนต่อไปจะเจาะลึกเรื่องการซื้อขายหุ้น รวมถึงวิธีการทำงานของระบบหุ้น ประเภทของหุ้น และการบริหารความเสี่ยง เพื่อช่วยให้คุณซื้อขายได้อย่างมั่นใจ
พจนานุกรมคำศัพท์ของเราช่วยอธิบายคำศัพท์การเทรดที่ซับซ้อนให้ง่ายต่อความเข้าใจ เรียนรู้คำสำคัญที่นักเทรดทุกคนควรรู้
อ่านบล็อกล่าสุดของเราเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับการเทรด มุมมองตลาด และกลยุทธ์การเทรดจริง บล็อกของ XS จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูล แรงบันดาลใจ และพร้อมสำหรับการเทรด