ตลาด
แพลตฟอร์ม
บัญชี
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
การแข่งขัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือการเทรด
แหล่งข้อมูล
เพิ่มพูนความรู้ของคุณด้วยคอร์สการเทรดออนไลน์ฟรีจาก
ในบทเรียนนี้ เราจะศึกษาเกี่ยวกับคำสั่งซื้อขายหุ้นประเภทต่าง ๆ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาหุ้น และบทบาทสำคัญของโบรกเกอร์ในการดำเนินคำสั่งซื้อขาย
การเข้าใจแนวคิดเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อขายหุ้นอย่างมั่นใจและมีความชัดเจนในการตัดสินใจ
ในการซื้อขายหุ้น ประเภทของคำสั่งที่คุณใช้สามารถส่งผลอย่างมากต่อผลลัพธ์ของการซื้อขาย ในส่วนนี้ เราจะอธิบายคำสั่งซื้อขายที่ใช้บ่อยที่สุด
คำสั่งตลาดเป็นประเภทคำสั่งซื้อขายหุ้นที่ง่ายที่สุด โดยช่วยให้คุณสามารถซื้อหรือขายหุ้นได้ทันทีตามราคาตลาด ณ ขณะนั้น คำสั่งประเภทนี้เน้นความรวดเร็ว และการดำเนินรายการ มากกว่าการได้ราคาที่แน่นอน
ดังนั้น คำสั่งตลาด:
จะถูกดำเนินการอย่างรวดเร็ว
ให้ความสำคัญกับการซื้อขายให้เสร็จสิ้นมากกว่าการได้ราคาที่ต้องการ
ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดในขณะนั้น ซึ่งหมายความว่าราคาซื้อขายสุดท้ายอาจแตกต่างจากราคาที่เห็นในตอนแรก
ลองจินตนาการว่าคุณต้องการซื้อหุ้นของบริษัท X
ราคาปัจจุบันแสดง ราคาเสนอซื้อ (bid) อยู่ที่ $50 และ ราคาขาย (ask) อยู่ที่ $50.10
หากคุณส่งคำสั่งตลาดเพื่อซื้อหุ้น X จำนวน 100 หุ้น คำสั่งของคุณจะถูกดำเนินการในราคาที่ใกล้เคียงที่สุดที่มีอยู่
ในกรณีนี้ ราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ $50.10 ซึ่งเป็นราคาขายปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม หากหุ้น X เป็นหุ้นที่มีความผันผวนสูง หรือหากเกิดการเคลื่อนไหวในตลาดอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่คำสั่งของคุณกำลังถูกดำเนินการ ราคาก็อาจเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
ตัวอย่างเช่น คำสั่งอาจถูกดำเนินการที่ราคา $50.15 ต่อหุ้น ความคลาดเคลื่อนนี้เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อใช้คำสั่งตลาด โดยเฉพาะในตลาดที่มีความเคลื่อนไหวเร็ว หรือหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำ
คำสั่ง Limit Orders คือคำสั่งซื้อหรือขายหุ้นใน ราคาที่กำหนดไว้ หรือราคาที่ดีกว่านั้น ต่างจากคำสั่งตลาด คำสั่ง Limit Orders ช่วยให้คุณควบคุมราคาที่คำสั่งจะถูกดำเนินการได้
โดยคำสั่ง Limit Orders จะระบุราคาสูงสุดสำหรับคำสั่งซื้อ หรือราคาต่ำสุดสำหรับคำสั่งขาย
อย่างไรก็ตาม คำสั่ง Limit Orders อาจไม่ถูกดำเนินการก็ได้ หากราคาตลาดไม่เคยถึงราคาที่คุณกำหนดไว้ในคำสั่ง
ตัวอย่างเช่น สมมติว่าหุ้นของบริษัท X กำลังซื้อขายอยู่ที่ราคา $100 แต่คุณเชื่อว่าราคาที่ $95 เป็นจุดที่เหมาะสมในการเข้าซื้อ คุณสามารถตั้ง คำสั่ง Limit Orders เพื่อซื้อหุ้นที่ราคา $95 ได้ ซึ่งหมายความว่า คำสั่งของคุณจะถูกดำเนินการเฉพาะเมื่อราคาหุ้นลดลงมาที่ $95 หรือต่ำกว่าเท่านั้น
คำสั่งหยุดขาดทุน คือคำสั่งซื้อหรือขายหุ้นเมื่อราคาหุ้นถึงระดับที่กำหนดไว้ ซึ่งเรียกว่า Stop Price
เมื่อราคาหุ้นถึงจุดนั้น คำสั่งหยุดขาดทุนจะเปลี่ยนเป็นคำสั่งตลาดโดยอัตโนมัติ คำสั่งประเภทนี้มักใช้เพื่อจำกัดการขาดทุนหรือปกป้องกำไรจากการถือหุ้น ดังนั้น คำสั่งนี้จะยังไม่ทำงานจนกว่าราคาหุ้นจะถึงราคาหยุดที่กำหนดไว้
ลองนึกภาพว่าคุณถือหุ้นของบริษัท X ซึ่งคุณซื้อไว้ที่ราคา $100 ต่อหุ้น ราคาหุ้นกำลังเพิ่มขึ้น แต่คุณต้องการปกป้องเงินลงทุนจากการปรับตัวลง
คุณจึงตัดสินใจตั้งคำสั่งหยุดขาดทุนไว้ที่ $95 ซึ่งหมายความว่า หากราคาหุ้นของ X ลดลงมาที่ $95 คำสั่งของคุณจะกลายเป็นคำสั่งตลาด และหุ้นของคุณจะถูกขายในราคาตลาดปัจจุบันเพื่อจำกัดการขาดทุน
คำสั่ง Stop-Limit เป็นคำสั่งที่รวมคุณสมบัติของคำสั่ง Stop Order และคำสั่ง Limit Order เข้าด้วยกัน คำสั่งประเภทนี้ประกอบด้วยราคาสองระดับ ได้แก่ Stop Price และ Limit Price
คำสั่งจะถูกดำเนินการเฉพาะเมื่อราคาหุ้นถึงหรือผ่านระดับราคาที่ตั้งหยุดไว้ และจะซื้อหรือขายได้ก็ต่อเมื่อราคาตลาดอยู่ที่ราคาจำกัดหรือต่ำกว่า (กรณีซื้อ) หรือสูงกว่า (กรณีขาย)
ตัวอย่างเช่น หากคุณถือหุ้นของบริษัท X ที่ราคา $100 และตั้งคำสั่ง Stop-Limit โดยกำหนดราคาหยุดไว้ที่ $90 และราคาจำกัดที่ $89.50 คำสั่งของคุณจะเริ่มทำงานเมื่อราคาลดลงถึง $90 และจะขายหุ้นต่อเมื่อราคาตลาดอยู่ที่ $89.50 หรือสูงกว่าเท่านั้น แต่หากราคาต่ำกว่า $89.50 ก่อนที่คำสั่งจะถูกดำเนินการ คำสั่งจะยังคงเปิดอยู่และไม่ถูกดำเนินการ
ราคาหุ้นได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย เช่น:
แรงกดดันจากตลาด : แก่นหลักของการกำหนดราคาหุ้นมาจากอุปสงค์และอุปทาน หากมีความต้องการซื้อหุ้นสูง ราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้น และในทางกลับกันหากความต้องการลดลง ราคาก็จะลดลง
ผลการดำเนินงานของบริษัท : รายงานผลประกอบการ สถานะทางการเงิน และแนวโน้มการเติบโตของบริษัทล้วนมีผลโดยตรงต่อราคาหุ้น
ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ : อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และนโยบายเศรษฐกิจสามารถส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นได้
ความเชื่อมั่นในตลาด : ความรู้สึกและการรับรู้โดยรวมของนักลงทุน ซึ่งมักได้รับอิทธิพลจากข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญทั่วโลกสามารถทำให้ราคาหุ้นผันผวนได้
การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้สามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูลและรอบคอบมากยิ่งขึ้น
การเข้าใจบทบาทของโบรกเกอร์ในการซื้อขายหุ้นเป็นสิ่งสำคัญ โบรกเกอร์ช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อขายตราสารลงทุนต่าง ๆ เช่น หุ้น พันธบัตร และฟอเร็กซ์ได้
บัญชีนี้เปิดและดูแลโดยบริษัทนายหน้า ซึ่งทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างนักลงทุนกับตลาดหุ้น
เมื่อคุณจะเลือกโบรกเกอร์ ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:
การกำกับดูแลและความปลอดภัย: ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับทางการเงินที่เชื่อถือได้ เพื่อให้มั่นใจว่าเงินทุนของคุณได้รับการคุ้มครอง
ค่าธรรมเนียมและคอมมิชชั่น: เปรียบเทียบโครงสร้างค่าคอมมิชชั่น สเปรด และค่าธรรมเนียมแอบแฝงต่าง ๆ เพื่อเลือกตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด
ตัวเลือกการลงทุนที่มีให้: ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์มีสินทรัพย์ให้เลือกครบถ้วน เช่น หุ้น พันธบัตร ฟอเร็กซ์ ETF และตราสารอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนของคุณ
แพลตฟอร์มและเครื่องมือการเทรด: มองหาแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย พร้อมเครื่องมือสำคัญ เช่น กราฟราคา อินดิเคเตอร์ และแหล่งข้อมูลวิเคราะห์
ความเร็วในการส่งคำสั่ง: เลือกโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการส่งคำสั่งที่รวดเร็วและแม่นยำ เพื่อลดความเสี่ยงจากการคลาดเคลื่อนของราคา (slippage)
ประเภทบัญชีและเงินฝากขั้นต่ำ: พิจารณาว่าโบรกเกอร์มีประเภทบัญชีที่เหมาะกับงบประมาณและสไตล์การลงทุนของคุณหรือไม่
นอกจากนี้ หากคุณเป็นมือใหม่ ควรให้ความสำคัญกับโบรกเกอร์ที่มีสื่อการเรียนรู้ มีสัมมนาออนไลน์ และมีบัญชีทดลองให้ฝึกเทรด
Market Orders: คำสั่งซื้อขายที่ดำเนินการทันทีตามราคาตลาดปัจจุบัน เน้นความรวดเร็วมากกว่าความแม่นยำของราคา
Limit Orders: คำสั่งที่ให้คุณกำหนดราคาซื้อหรือขายเองได้ ควบคุมราคาได้ดีแต่ไม่รับประกันว่าจะมีการซื้อขายเกิดขึ้น
Stop Orders (Stop-Loss Orders): คำสั่งที่ทำงานเมื่อราคาหุ้นถึงระดับที่กำหนด จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นคำสั่งตลาด ใช้เพื่อจำกัดการขาดทุน
Stop-Limit Orders: คำสั่งที่รวมฟีเจอร์ของ Stop และ Limit Order โดยจะดำเนินการเฉพาะเมื่อ stop price ถึงราคาที่ตั้งไว้
ราคาหุ้นได้รับอิทธิพลจากแรงซื้อขายในตลาด ผลการดำเนินงานของบริษัท ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน
โบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเข้าถึงตลาด ช่วยดำเนินคำสั่งซื้อขาย และให้บริการข้อมูล เครื่องมือ และคำแนะนำในการลงทุน
ในบทเรียนนี้ เราได้เรียนรู้เรื่องคำสั่งซื้อขายหุ้นประเภทต่าง ๆ ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาหุ้น และบทบาทสำคัญของโบรกเกอร์ในกระบวนการเทรด บทถัดไปจะกล่าวถึงพื้นฐานของการวิเคราะห์หุ้น
พจนานุกรมคำศัพท์ของเราช่วยอธิบายคำศัพท์การเทรดที่ซับซ้อนให้ง่ายต่อความเข้าใจ เรียนรู้คำสำคัญที่นักเทรดทุกคนควรรู้
อ่านบล็อกล่าสุดของเราเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับการเทรด มุมมองตลาด และกลยุทธ์การเทรดจริง บล็อกของ XS จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูล แรงบันดาลใจ และพร้อมสำหรับการเทรด