Facebook Pixel
Logo

คอร์สการเทรดออนไลน์ของ XS

เพิ่มพูนความรู้ของคุณด้วยคอร์สการเทรดออนไลน์ฟรีจาก

โซลูชั่นก็อปปี้เทรด
หน้าหลัก   Breadcrumb right  คอร์   Breadcrumb right  คู่มือ แนะนำ การเทรดฟอเร็กซ์   Breadcrumb right  ทำความเข้าใจ คู่สกุลเงิน Forex

ทำความเข้าใจคู่สกุลเงิน Forex

ถ้าคุณต้องการเทรดฟอเร็กซ์ สิ่งแรกที่ควรเข้าใจคือ คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์

ต่างจากตลาดหุ้นที่คุณซื้อสินทรัพย์เดี่ยว เช่น หุ้นของบริษัท การเทรดฟอเร็กซ์จะเกี่ยวข้องกับ สกุลเงินสองสกุล ที่ถูกซื้อขายต่อกันเสมอ เพราะมูลค่าของสกุลเงินหนึ่งจะถูกวัดเทียบกับอีกสกุลหนึ่งเสมอ

ลองนึกภาพว่าเวลาคุณแลกดอลลาร์สหรัฐเป็นยูโรที่สนามบิน คุณจะเห็นป้ายแสดงอัตราแลกเปลี่ยน นั่นคือวิธีการทำงานของฟอเร็กซ์ แต่แทนที่จะแลกเงินเพื่อท่องเที่ยว เทรดเดอร์ซื้อขายสกุลเงินเพื่อ ทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา

ในบทเรียนนี้ เราจะอธิบายเรื่อง คู่สกุลเงิน วิธีการทำงาน และเหตุผลที่สำคัญในการเทรดฟอเร็กซ์

 

คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์คืออะไร?

ในฟอเร็กซ์ สกุลเงินจะถูกซื้อขายเป็นคู่เสมอ เพราะคุณไม่สามารถเทรดสกุลเงินหนึ่งโดยไม่เปรียบเทียบกับอีกสกุลหนึ่ง

ตามที่อธิบายในบทเรียนที่ 1 คู่สกุลเงินประกอบด้วย:

  • สกุลเงินหลัก (สกุลเงินตัวแรกในคู่)

  • สกุลเงินอ้างอิง (สกุลเงินตัวที่สองในคู่)

อัตราแลกเปลี่ยนจะบอกว่าต้องใช้สกุลเงินอ้างอิงจำนวนเท่าไรเพื่อซื้อ 1 หน่วยของสกุลเงินหลัก

 

รูปแบบการเขียนรหัสของคู่สกุลเงิน

คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์เขียนด้วยรหัส สามตัวอักษร ตามมาตรฐานสากล

  • สองตัวอักษรแรก แทนชื่อประเทศ

  • ตัวอักษรที่สาม แทนชื่อสกุลเงิน

คู๋มือ-แนะนำ-การเทรด-Forex

ตัวอย่างเช่น:

  • USD = ดอลลาร์สหรัฐ (US = สหรัฐอเมริกา, D = ดอลลาร์)

  • GBP = ปอนด์อังกฤษ (GB = สหราชอาณาจักร, P = ปอนด์)

  • JPY = เยนญี่ปุ่น (JP = ญี่ปุ่น, Y = เยน)

  • AUD = ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AU = ออสเตรเลีย, D = ดอลลาร์)

การรู้จักรหัสเหล่านี้จะช่วยให้คุณอ่านกราฟและราคาคู่สกุลเงินในตลาดฟอเร็กซ์ได้ง่าย

 

ทำความเข้าใจอัตราแลกเปลี่ยน

อัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากปัจจัยต่างๆ ในตลาด ต่อไปนี้คือคำสำคัญสองคำที่คุณมักจะได้ยินบ่อย:

  • การแข็งค่าของสกุลเงิน: เมื่ออัตราแลกเปลี่ยน เพิ่มขึ้น หมายความว่าสกุลเงินหลักแข็งค่าขึ้น

  • การอ่อนค่าของสกุลเงิน: เมื่ออัตราแลกเปลี่ยน ลดลง หมายความว่าสกุลเงินหลักอ่อนค่าลง

ตัวอย่าง: หาก EUR/USD เปลี่ยนจาก 1.08 เป็น 1.10 แสดงว่า ยูโรแข็งค่า เมื่อเทียบกับดอลลาร์

แต่ถ้าลดลงเป็น 1.06 แสดงว่ายูโรอ่อนค่า

 

ประเภทของคู่สกุลเงิน

คู่สกุลเงินแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก: คู่สกุลเงินหลัก คู่สกุลเงินรอง และคู่สกุลเงินเอ็กโซติก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคู่สกุลเงินจากประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่

 

คู่สกุลเงินหลัก

ประกอบด้วย ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และเป็นหนึ่งในสกุลเงินหลักของโลก โดยเป็นคู่ที่มีการซื้อขายมากที่สุด มีสภาพคล่องสูงและสเปรดต่ำ

คู๋มือ-แนะนำ-การเทรด-Forex

คู่สกุลเงินรอง

เป็นคู่ที่ไม่ประกอบด้วย ดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังคงเป็นคู่ระหว่างสกุลเงินหลักอื่นๆ มีสภาพคล่องน้อยกว่าคู่หลักเล็กน้อยแต่ยังคงได้รับความนิยมในการซื้อขาย

คู๋มือ-แนะนำ-การเทรด-Forex

 

คู่สกุลเงินเอ็กโซติก

เป็นคู่ที่ประกอบด้วยสกุลเงินหลักหนึ่งสกุล และสกุลเงินจากประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่หรือเศรษฐกิจกำลังพัฒนา โดยทั่วไปจะมีสเปรดสูงและสภาพคล่องต่ำกว่า

คู๋มือ-แนะนำ-การเทรด-Forex

ลักษณะของคู่สกุลเงิน

เมื่อเราทราบว่ามีคู่สกุลเงินหลายประเภท คู่สกุลเงินเหล่านี้มีลักษณะอย่างไร? คู่สกุลเงินสามารถจำแนกได้ตามความผันผวน สภาพคล่อง และความสัมพันธ์กันของราคา

 

1. ความผันผวน (Volatility)

ความผันผวนหมายถึงระดับและความเร็วที่ราคาของคู่สกุลเงินเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาหนึ่ง

บางคู่เคลื่อนไหวรวดเร็วทำให้มีโอกาสสร้างกำไร (หรือขาดทุน) สูง ขณะที่บางคู่เคลื่อนไหวมั่นคงกว่า จึงมีความเสี่ยงน้อยกว่า

 

คู่สกุลเงินที่มีความผันผวนสูง

  • คู่เหล่านี้มีความเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงและเกิดขึ้นบ่อย

  • ความผันผวนในลักษณะนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงแต่ก็สร้างโอกาสในการทำกำไรได้สูง

  • เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ชอบการเทรดระยะสั้น และเน้นจังหวะการเข้า-ออกที่รวดเร็ว เช่นสาย Scalping หรือ Day Trading

ตัวอย่าง:

  • GBP/JPY: ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในคู่ที่ผันผวนที่สุดเนื่องจากมีการเคลื่อนไหวรายวันมาก

  • AUD/USD และ NZD/USD: มักได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และความเชื่อมั่นต่อความเสี่ยงของตลาดโลก

  • คู่สกุลเงินเอ็กโซติก (เช่น USD/TRY, EUR/BRL): มักมีความผันผวนสูงเนื่องจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในประเทศเกิดใหม่

 

คู่สกุลเงินที่มีความผันผวนต่ำ

  • คู่เหล่านี้มีการเคลื่อนไหวของราคาที่คาดเดาได้และมีความผันผวนต่ำ

  • เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการถือครองสถานะระยะยาวด้วยระดับความเสี่ยงที่ต่ำ

  • มักมีต้นทุนการซื้อขายต่ำ (สเปรดแคบ) เนื่องจากมีสภาพคล่องในตลาดสูง

ตัวอย่าง:

  • EUR/USD: คู่ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก และมีการเคลื่อนไหวของราคาที่ราบเรียบ

  • USD/CHF: มักถูกมองว่าเป็นคู่ "ปลอดภัย" ที่มีการเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ

 

2. สภาพคล่อง (Liquidity)

สภาพคล่องหมายถึงความง่ายในการซื้อหรือขายคู่สกุลเงินโดยไม่ทำให้ราคาผันผวนอย่างมีนัยสำคัญ คู่สกุลเงินที่มี สภาพคล่องสูง จะซื้อขายได้ง่าย มีต้นทุนธุรกรรมต่ำกว่า ส่วนคู่ที่มี สภาพคล่องต่ำ อาจมีต้นทุนสูงขึ้นและเกิดการลื่นไถลของราคา (slippage)

 

คู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง

  • มีการซื้อขายบ่อยพร้อม สเปรดที่แคบ (ต้นทุนต่ำ)

  • มีการเคลื่อนไหวของราคาที่ราบรื่น และสามารถ ส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็ว

  • มีโอกาสเกิดการกระโดดของราคารุนแรงน้อยกว่า

ตัวอย่าง:

  • EUR/USD: คู่ที่มีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก

  • USD/JPY: มีสภาพคล่องสูงมาก โดยเฉพาะในช่วงตลาดเอเชีย

  • GBP/USD: แม้จะมีความผันผวนสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมีสภาพคล่องสูง

 

คู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องต่ำ

  • มีการซื้อขายน้อยทำให้สเปรดกว้างขึ้น

  • หากมีคำสั่งขนาดใหญ่เข้าสู่ตลาดอาจทำให้ราคากระโดดได้

  • ต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากอาจปิดสถานะได้ยากในราคาที่ต้องการ

ตัวอย่าง:

  • USD/MXN (ดอลลาร์สหรัฐ/เปโซเม็กซิโก): มีสเปรดกว้างเนื่องจากปริมาณการซื้อขายต่ำ

  • USD/ZAR (ดอลลาร์สหรัฐ/แรนด์แอฟริกาใต้): มีโอกาสเกิดช่องว่างของราคาที่ไม่คาดคิด

 

3. ความสัมพันธ์ระหว่างคู่สกุลเงิน (Correlation)

Correlation หรือ ความสัมพันธ์ คือการวัดว่าคู่สกุลเงินสองคู่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันหรือทิศทางตรงข้ามบางคู่สกุลเงินมีแนวโน้มขึ้นและลงพร้อมกัน ในขณะที่บางคู่เคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม การเข้าใจความสัมพันธ์นี้จะช่วยให้คุณกระจายความเสี่ยงในการเทรดและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

คู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์เชิงบวก (เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน)

  • ถ้าคู่หนึ่งขึ้นอีกคู่ก็จะขึ้นตาม

  • มักเกิดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด

ตัวอย่าง:

  • EUR/USD กับ GBP/USD: เนื่องจากทั้งสองคู่มี USD เป็นสกุลเงินอ้างอิง จึงมักเคลื่อนไหวไปด้วยกัน

  • AUD/USD กับ NZD/USD: ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีปัจจัยทางเศรษฐกิจที่คล้ายคลึงกัน

 

คู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์เชิงลบ (เคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม)

  • ถ้าคู่หนึ่งขึ้นอีกคู่ก็จะลง

  • มักเกิดขึ้นเมื่อสกุลเงินหนึ่งเป็น"สินทรัพย์ปลอดภัย" และอีกสกุลไวต่อความเสี่ยง

ตัวอย่าง:

  • EUR/USD กับ USD/CHF: เมื่อยูโรแข็งค่า ฟรังก์สวิสมักจะอ่อนค่าลง

  • USD/JPY กับ ทองคำ (XAU/USD): เมื่อ USD/JPY ขึ้น ราคาทองมักจะลง

 

คู่สกุลเงินที่ไม่มีความสัมพันธ์

  • บางคู่สกุลเงินเคลื่อนไหวเป็นอิสระและไม่มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจน

  • คู่สกุลเงินเหล่านี้สามารถใช้เพื่อกระจายความเสี่ยงในการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่าง: EUR/JPY กับ USD/CAD: คู่สกุลเงินเหล่านี้ไม่มีอิทธิพลต่อกันอย่างชัดเจน

ทุกคู่สกุลเงินมีลักษณะเฉพาะที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวในตลาด เมื่อเลือกคู่สกุลเงินเพื่อเทรด ควรพิจารณา:

  • ความผันผวน (Volatility): คุณชอบการเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วหรือจังหวะที่นิ่งกว่า?

  • สภาพคล่อง (Liquidity): คุณต้องการต้นทุนที่ต่ำและการดำเนินการซื้อขายที่ง่ายกว่าหรือไม่?

  • ความสัมพันธ์ (Correlation): คุณกำลังเทรดคู่สกุลเงินที่เคลื่อนไหวไปด้วยกัน หรือใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงระหว่างกัน?

 

ช่วงเวลาและเซสชั่นการเทรดในตลาดฟอเร็กซ์

ตลาดฟอเร็กซ์เปิดทำการ ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ โดยมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องตามโซนเวลาทั่วโลก ด้านล่างนี้คือการแบ่งช่วงเวลาและเซสชั่นหลักของตลาดฟอเร็กซ์

คู๋มือ-แนะนำ-การเทรด-Forex

เซสชั่นเอเชีย (Asian Session)

 เซสชันเอเชียเริ่มต้นที่กรุงโตเกียวและมีการซ้อนทับกับช่วงท้ายของเซสชั่นซิดนีย์ ลักษณะเด่นคือมี ปริมาณการซื้อขายต่ำกว่า และความผันผวน เมื่อเทียบกับเซสชันอื่น ๆ โดยคู่สกุลเงินหลักอย่าง AUD/USD และ USD/JPY มักมีความเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้

 

เซสชันยุโรป (European Session)

 เซสชั่นยุโรปมีศูนย์กลางการซื้อขายอยู่ที่กรุงลอนดอน และถือเป็นช่วงเวลาที่มีความเคลื่อนไหวและสภาพคล่องสูงที่สุดของวัน นอกจากนี้ยังมีการซ้อนทับอย่างมีนัยสำคัญกับเซสชั่นเอเชียและอเมริกาเหนือ คู่สกุลเงินหลักอย่าง EUR/USD และ GBP/USD มักมีความผันผวนสูงในช่วงนี้

 

เซสชั่นอเมริกาเหนือ (North American Session)

เซสชั่นอเมริกาเหนือมีศูนย์กลางอยู่ที่นิวยอร์ก ในช่วงเวลานี้จะมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นและความผันผวนสูง โดยเฉพาะในช่วงที่ซ้อนทับกับเซสชั่นยุโรป ลักษณะเด่นคือคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) จะมีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างมีนัยสำคัญ

 

ช่วงเวลาซ้อนทับ (Overlapping Sessions)

มีช่วงเวลาซ้อนทับที่เกิดขึ้นระหว่างเซสชั่นการเทรด เช่น การซ้อนทับระหว่างยุโรปและอเมริกาเหนือ ซึ่งมักส่งผลให้เกิดสภาพคล่องและความผันผวนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีนักเทรดจากภูมิภาคต่าง ๆ เข้าร่วมการซื้อขายพร้อมกัน

 

สรุปบทเรียน

  • การเทรดฟอเร็กซ์อิงตามคู่สกุลเงิน โดยสกุลเงินหนึ่งจะถูกประเมินค่าเทียบกับอีกสกุลหนึ่ง

  • คู่สกุลเงินแบ่งออกเป็น Major, Minor และ Exotic ซึ่งแต่ละประเภทมีระดับสภาพคล่องและความผันผวนที่แตกต่างกัน

  • อัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาด ข่าวเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์

ในบทเรียนที่ 3 เราจะสำรวจว่าการเทรดฟอเร็กซ์ทำงานอย่างไร

ถัดไป: ระบบการทำงานของตลาดฟอเร็กซ์
บทเรียนถัดไป

การเรียนรู้ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้

อ่านบล็อกล่าสุดของเราเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับการเทรด มุมมองตลาด และกลยุทธ์การเทรดจริง บล็อกของ XS จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูล แรงบันดาลใจ และพร้อมสำหรับการเทรด