ตลาด
แพลตฟอร์ม
บัญชี
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
การแข่งขัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือการเทรด
แหล่งข้อมูล
เพิ่มพูนความรู้ของคุณด้วยคอร์สการเทรดออนไลน์ฟรีจาก
ถ้าคุณต้องการเทรดฟอเร็กซ์ สิ่งแรกที่ควรเข้าใจคือ คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์
ต่างจากตลาดหุ้นที่คุณซื้อสินทรัพย์เดี่ยว เช่น หุ้นของบริษัท การเทรดฟอเร็กซ์จะเกี่ยวข้องกับ สกุลเงินสองสกุล ที่ถูกซื้อขายต่อกันเสมอ เพราะมูลค่าของสกุลเงินหนึ่งจะถูกวัดเทียบกับอีกสกุลหนึ่งเสมอ
ลองนึกภาพว่าเวลาคุณแลกดอลลาร์สหรัฐเป็นยูโรที่สนามบิน คุณจะเห็นป้ายแสดงอัตราแลกเปลี่ยน นั่นคือวิธีการทำงานของฟอเร็กซ์ แต่แทนที่จะแลกเงินเพื่อท่องเที่ยว เทรดเดอร์ซื้อขายสกุลเงินเพื่อ ทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา
ในบทเรียนนี้ เราจะอธิบายเรื่อง คู่สกุลเงิน วิธีการทำงาน และเหตุผลที่สำคัญในการเทรดฟอเร็กซ์
ในฟอเร็กซ์ สกุลเงินจะถูกซื้อขายเป็นคู่เสมอ เพราะคุณไม่สามารถเทรดสกุลเงินหนึ่งโดยไม่เปรียบเทียบกับอีกสกุลหนึ่ง
ตามที่อธิบายในบทเรียนที่ 1 คู่สกุลเงินประกอบด้วย:
สกุลเงินหลัก (สกุลเงินตัวแรกในคู่)
สกุลเงินอ้างอิง (สกุลเงินตัวที่สองในคู่)
อัตราแลกเปลี่ยนจะบอกว่าต้องใช้สกุลเงินอ้างอิงจำนวนเท่าไรเพื่อซื้อ 1 หน่วยของสกุลเงินหลัก
คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์เขียนด้วยรหัส สามตัวอักษร ตามมาตรฐานสากล
สองตัวอักษรแรก แทนชื่อประเทศ
ตัวอักษรที่สาม แทนชื่อสกุลเงิน
ตัวอย่างเช่น:
USD = ดอลลาร์สหรัฐ (US = สหรัฐอเมริกา, D = ดอลลาร์)
GBP = ปอนด์อังกฤษ (GB = สหราชอาณาจักร, P = ปอนด์)
JPY = เยนญี่ปุ่น (JP = ญี่ปุ่น, Y = เยน)
AUD = ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AU = ออสเตรเลีย, D = ดอลลาร์)
การรู้จักรหัสเหล่านี้จะช่วยให้คุณอ่านกราฟและราคาคู่สกุลเงินในตลาดฟอเร็กซ์ได้ง่าย
อัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากปัจจัยต่างๆ ในตลาด ต่อไปนี้คือคำสำคัญสองคำที่คุณมักจะได้ยินบ่อย:
การแข็งค่าของสกุลเงิน: เมื่ออัตราแลกเปลี่ยน เพิ่มขึ้น หมายความว่าสกุลเงินหลักแข็งค่าขึ้น
การอ่อนค่าของสกุลเงิน: เมื่ออัตราแลกเปลี่ยน ลดลง หมายความว่าสกุลเงินหลักอ่อนค่าลง
ตัวอย่าง: หาก EUR/USD เปลี่ยนจาก 1.08 เป็น 1.10 แสดงว่า ยูโรแข็งค่า เมื่อเทียบกับดอลลาร์
แต่ถ้าลดลงเป็น 1.06 แสดงว่ายูโรอ่อนค่า
คู่สกุลเงินแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก: คู่สกุลเงินหลัก คู่สกุลเงินรอง และคู่สกุลเงินเอ็กโซติก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคู่สกุลเงินจากประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่
ประกอบด้วย ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และเป็นหนึ่งในสกุลเงินหลักของโลก โดยเป็นคู่ที่มีการซื้อขายมากที่สุด มีสภาพคล่องสูงและสเปรดต่ำ
เป็นคู่ที่ไม่ประกอบด้วย ดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังคงเป็นคู่ระหว่างสกุลเงินหลักอื่นๆ มีสภาพคล่องน้อยกว่าคู่หลักเล็กน้อยแต่ยังคงได้รับความนิยมในการซื้อขาย
เป็นคู่ที่ประกอบด้วยสกุลเงินหลักหนึ่งสกุล และสกุลเงินจากประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่หรือเศรษฐกิจกำลังพัฒนา โดยทั่วไปจะมีสเปรดสูงและสภาพคล่องต่ำกว่า
เมื่อเราทราบว่ามีคู่สกุลเงินหลายประเภท คู่สกุลเงินเหล่านี้มีลักษณะอย่างไร? คู่สกุลเงินสามารถจำแนกได้ตามความผันผวน สภาพคล่อง และความสัมพันธ์กันของราคา
ความผันผวนหมายถึงระดับและความเร็วที่ราคาของคู่สกุลเงินเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาหนึ่ง
บางคู่เคลื่อนไหวรวดเร็วทำให้มีโอกาสสร้างกำไร (หรือขาดทุน) สูง ขณะที่บางคู่เคลื่อนไหวมั่นคงกว่า จึงมีความเสี่ยงน้อยกว่า
คู่เหล่านี้มีความเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงและเกิดขึ้นบ่อย
ความผันผวนในลักษณะนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงแต่ก็สร้างโอกาสในการทำกำไรได้สูง
เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ชอบการเทรดระยะสั้น และเน้นจังหวะการเข้า-ออกที่รวดเร็ว เช่นสาย Scalping หรือ Day Trading
ตัวอย่าง:
GBP/JPY: ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในคู่ที่ผันผวนที่สุดเนื่องจากมีการเคลื่อนไหวรายวันมาก
AUD/USD และ NZD/USD: มักได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และความเชื่อมั่นต่อความเสี่ยงของตลาดโลก
คู่สกุลเงินเอ็กโซติก (เช่น USD/TRY, EUR/BRL): มักมีความผันผวนสูงเนื่องจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในประเทศเกิดใหม่
คู่เหล่านี้มีการเคลื่อนไหวของราคาที่คาดเดาได้และมีความผันผวนต่ำ
เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการถือครองสถานะระยะยาวด้วยระดับความเสี่ยงที่ต่ำ
มักมีต้นทุนการซื้อขายต่ำ (สเปรดแคบ) เนื่องจากมีสภาพคล่องในตลาดสูง
EUR/USD: คู่ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก และมีการเคลื่อนไหวของราคาที่ราบเรียบ
USD/CHF: มักถูกมองว่าเป็นคู่ "ปลอดภัย" ที่มีการเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ
สภาพคล่องหมายถึงความง่ายในการซื้อหรือขายคู่สกุลเงินโดยไม่ทำให้ราคาผันผวนอย่างมีนัยสำคัญ คู่สกุลเงินที่มี สภาพคล่องสูง จะซื้อขายได้ง่าย มีต้นทุนธุรกรรมต่ำกว่า ส่วนคู่ที่มี สภาพคล่องต่ำ อาจมีต้นทุนสูงขึ้นและเกิดการลื่นไถลของราคา (slippage)
มีการซื้อขายบ่อยพร้อม สเปรดที่แคบ (ต้นทุนต่ำ)
มีการเคลื่อนไหวของราคาที่ราบรื่น และสามารถ ส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็ว
มีโอกาสเกิดการกระโดดของราคารุนแรงน้อยกว่า
EUR/USD: คู่ที่มีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก
USD/JPY: มีสภาพคล่องสูงมาก โดยเฉพาะในช่วงตลาดเอเชีย
GBP/USD: แม้จะมีความผันผวนสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมีสภาพคล่องสูง
มีการซื้อขายน้อยทำให้สเปรดกว้างขึ้น
หากมีคำสั่งขนาดใหญ่เข้าสู่ตลาดอาจทำให้ราคากระโดดได้
ต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากอาจปิดสถานะได้ยากในราคาที่ต้องการ
USD/MXN (ดอลลาร์สหรัฐ/เปโซเม็กซิโก): มีสเปรดกว้างเนื่องจากปริมาณการซื้อขายต่ำ
USD/ZAR (ดอลลาร์สหรัฐ/แรนด์แอฟริกาใต้): มีโอกาสเกิดช่องว่างของราคาที่ไม่คาดคิด
Correlation หรือ ความสัมพันธ์ คือการวัดว่าคู่สกุลเงินสองคู่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันหรือทิศทางตรงข้ามบางคู่สกุลเงินมีแนวโน้มขึ้นและลงพร้อมกัน ในขณะที่บางคู่เคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม การเข้าใจความสัมพันธ์นี้จะช่วยให้คุณกระจายความเสี่ยงในการเทรดและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถ้าคู่หนึ่งขึ้นอีกคู่ก็จะขึ้นตาม
มักเกิดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด
EUR/USD กับ GBP/USD: เนื่องจากทั้งสองคู่มี USD เป็นสกุลเงินอ้างอิง จึงมักเคลื่อนไหวไปด้วยกัน
AUD/USD กับ NZD/USD: ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีปัจจัยทางเศรษฐกิจที่คล้ายคลึงกัน
ถ้าคู่หนึ่งขึ้นอีกคู่ก็จะลง
มักเกิดขึ้นเมื่อสกุลเงินหนึ่งเป็น"สินทรัพย์ปลอดภัย" และอีกสกุลไวต่อความเสี่ยง
EUR/USD กับ USD/CHF: เมื่อยูโรแข็งค่า ฟรังก์สวิสมักจะอ่อนค่าลง
USD/JPY กับ ทองคำ (XAU/USD): เมื่อ USD/JPY ขึ้น ราคาทองมักจะลง
บางคู่สกุลเงินเคลื่อนไหวเป็นอิสระและไม่มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจน
คู่สกุลเงินเหล่านี้สามารถใช้เพื่อกระจายความเสี่ยงในการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่าง: EUR/JPY กับ USD/CAD: คู่สกุลเงินเหล่านี้ไม่มีอิทธิพลต่อกันอย่างชัดเจน
ทุกคู่สกุลเงินมีลักษณะเฉพาะที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวในตลาด เมื่อเลือกคู่สกุลเงินเพื่อเทรด ควรพิจารณา:
ความผันผวน (Volatility): คุณชอบการเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วหรือจังหวะที่นิ่งกว่า?
สภาพคล่อง (Liquidity): คุณต้องการต้นทุนที่ต่ำและการดำเนินการซื้อขายที่ง่ายกว่าหรือไม่?
ความสัมพันธ์ (Correlation): คุณกำลังเทรดคู่สกุลเงินที่เคลื่อนไหวไปด้วยกัน หรือใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงระหว่างกัน?
ตลาดฟอเร็กซ์เปิดทำการ ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ โดยมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องตามโซนเวลาทั่วโลก ด้านล่างนี้คือการแบ่งช่วงเวลาและเซสชั่นหลักของตลาดฟอเร็กซ์
เซสชันเอเชียเริ่มต้นที่กรุงโตเกียวและมีการซ้อนทับกับช่วงท้ายของเซสชั่นซิดนีย์ ลักษณะเด่นคือมี ปริมาณการซื้อขายต่ำกว่า และความผันผวน เมื่อเทียบกับเซสชันอื่น ๆ โดยคู่สกุลเงินหลักอย่าง AUD/USD และ USD/JPY มักมีความเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้
เซสชั่นยุโรปมีศูนย์กลางการซื้อขายอยู่ที่กรุงลอนดอน และถือเป็นช่วงเวลาที่มีความเคลื่อนไหวและสภาพคล่องสูงที่สุดของวัน นอกจากนี้ยังมีการซ้อนทับอย่างมีนัยสำคัญกับเซสชั่นเอเชียและอเมริกาเหนือ คู่สกุลเงินหลักอย่าง EUR/USD และ GBP/USD มักมีความผันผวนสูงในช่วงนี้
เซสชั่นอเมริกาเหนือมีศูนย์กลางอยู่ที่นิวยอร์ก ในช่วงเวลานี้จะมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นและความผันผวนสูง โดยเฉพาะในช่วงที่ซ้อนทับกับเซสชั่นยุโรป ลักษณะเด่นคือคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) จะมีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างมีนัยสำคัญ
มีช่วงเวลาซ้อนทับที่เกิดขึ้นระหว่างเซสชั่นการเทรด เช่น การซ้อนทับระหว่างยุโรปและอเมริกาเหนือ ซึ่งมักส่งผลให้เกิดสภาพคล่องและความผันผวนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีนักเทรดจากภูมิภาคต่าง ๆ เข้าร่วมการซื้อขายพร้อมกัน
การเทรดฟอเร็กซ์อิงตามคู่สกุลเงิน โดยสกุลเงินหนึ่งจะถูกประเมินค่าเทียบกับอีกสกุลหนึ่ง
คู่สกุลเงินแบ่งออกเป็น Major, Minor และ Exotic ซึ่งแต่ละประเภทมีระดับสภาพคล่องและความผันผวนที่แตกต่างกัน
อัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาด ข่าวเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์
ในบทเรียนที่ 3 เราจะสำรวจว่าการเทรดฟอเร็กซ์ทำงานอย่างไร
พจนานุกรมคำศัพท์ของเราช่วยอธิบายคำศัพท์การเทรดที่ซับซ้อนให้ง่ายต่อความเข้าใจ เรียนรู้คำสำคัญที่นักเทรดทุกคนควรรู้
อ่านบล็อกล่าสุดของเราเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับการเทรด มุมมองตลาด และกลยุทธ์การเทรดจริง บล็อกของ XS จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูล แรงบันดาลใจ และพร้อมสำหรับการเทรด