ตลาด
แพลตฟอร์ม
บัญชี
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
การแข่งขัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือการเทรด
แหล่งข้อมูล
เพิ่มพูนความรู้ของคุณด้วยคอร์สการเทรดออนไลน์ฟรีจาก
ตอนนี้คุณมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว แต่การรู้จักเครื่องมือเหล่านี้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ คุณจำเป็นต้องรู้ว่าจะนำไปใช้กับการเทรดจริงอย่างไร
บทเรียนนี้จะพาคุณไปรู้จักการวิเคราะห์การเทรดในตลาดฟอเร็กซ์แบบทีละขั้นตอนตั้งแต่การเลือกแนวทางวิเคราะห์ไปจนถึงการทบทวนผลลัพธ์
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เริ่มต้นหรือกำลังเพิ่มพูนทักษะ การวิเคราะห์การเทรดอย่างมีโครงสร้างจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและมีข้อมูลมากขึ้น
การวิเคราะห์ฟอเร็กซ์คือกระบวนการศึกษา การเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงิน และ ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น เทรดเดอร์ใช้การวิเคราะห์เพื่อ:
ระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและลดการขาดทุน
เข้าใจแนวโน้มของตลาดเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำยิ่งขึ้น
พัฒนาแผนการเทรดที่มีโครงสร้างโดยอิงจากสภาวะของตลาด
จากบทเรียนก่อนหน้า เราเห็นแล้วว่าการวิเคราะห์ฟอเร็กซ์มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ได้แก่:
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: วิเคราะห์ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการเมือง (GDP อัตราดอกเบี้ย ข้อมูลการจ้างงาน)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: มุ่งเน้นไปที่กราฟราคา แนวโน้ม และอินดิเคเตอร์ เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวในอนาคต
เทรดเดอร์ที่มีประสิทธิภาพมักไม่พึ่งพาการวิเคราะห์เพียงประเภทเดียว หลายคนเลือกใช้ทั้งสองแบบร่วมกันเพื่อสร้างกลยุทธ์การเทรดที่สมดุลและรอบด้าน
การวิเคราะห์การเทรดในตลาดฟอเร็กซ์อย่างมีประสิทธิภาพประกอบด้วย 5 ขั้นตอนหลัก:
เลือกแนวทางการวิเคราะห์ของคุณ
ระบุปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญ
วิเคราะห์ข้อมูล
สร้างพิมพ์เขียวของกลยุทธ์การเทรด
ประเมินผลลัพธ์ของการเทรด
เรามาแยกดูแต่ละขั้นตอนกัน
ก่อนที่คุณจะเปิดออเดอร์ คุณต้องตัดสินใจก่อนว่า: จะวิเคราะห์ตลาดอย่างไร?
วิธีนี้เน้นศึกษาปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ส่งผลต่อมูลค่าสกุลเงิน
ตัวอย่างเช่น: สมมติว่าเศรษฐกิจของประเทศ A กำลังเติบโต ขณะที่ประเทศ B กำลังชะลอตัว นักลงทุนอาจเลือกถือสกุลเงินของประเทศ A ทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานควรติดตาม:
รายงานเศรษฐกิจ (GDP เงินเฟ้อ ข้อมูลการจ้างงาน)
นโยบายของธนาคารกลาง (การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย นโยบายการเงิน)
เหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ (การเลือกตั้ง ความขัดแย้ง มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ)
แทนที่จะดูปัจจัยเศรษฐกิจ การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะเน้นไปที่ กราฟราคาและแนวโน้มของตลาด
ตัวอย่างเช่น: หากราคาของคู่สกุลเงิน ทะลุแนวต้านสำคัญ อาจเป็นสัญญาณของโอกาสในการซื้อ
เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคทั่วไป ได้แก่:
อินดิเคเตอร์แนวโน้ม (Moving Averages)
อินดิเคเตอร์โมเมนตัม (RSI, MACD)
รูปแบบกราฟ (Head & Shoulders, Triangles)
ควรเลือกวิธีวิเคราะห์แบบไหน?
เทรดเดอร์บางคนอาจถนัดการวิเคราะห์แบบใดแบบหนึ่งมากกว่าแต่อีกหลายคนเลือกใช้ แนวทางแบบผสม โดยผสานทั้งการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคเข้าด้วยกันเพื่อให้มองเห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนและรอบด้านยิ่งขึ้น
ก่อนเปิดออเดอร์ คุณต้องระบุให้ได้ว่า ปัจจัยใดมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา ปัจจัยเหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็น 3 หมวดหลัก ได้แก่:
ข้อมูลเศรษฐกิจ
นโยบายของธนาคารกลาง
มุมมองหรือความเชื่อมั่นของตลาด
การเติบโตของ GDP อัตราเงินเฟ้อ และรายงานการจ้างงาน ล้วนส่งผลต่อมูลค่าสกุลเงินอย่างมีนัยสำคัญ
ตัวอย่างเช่น: หากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นธนาคารกลางของประเทศนั้นอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้ค่าเงินแข็งขึ้น
การปรับอัตราดอกเบี้ย แถลงการณ์ด้านนโยบายการเงิน และการคาดการณ์เศรษฐกิจ ล้วนมีผลต่อทิศทางของค่าเงิน
ตัวอย่าง: หากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์ (USD) อาจแข็งค่าขึ้น เพราะนักลงทุนแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่า
ข่าว เหตุการณ์ทั่วโลก และจิตวิทยาของนักลงทุน ล้วนมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคา
ตัวอย่างเช่น: หากเกิดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสองประเทศใหญ่ นักลงทุนอาจขายสกุลเงินที่มีความเสี่ยง และหันไปถือ สกุลเงินปลอดภัย เช่น USD, JPY หรือ CHF
การติดตาม ปฏิทินเศรษฐกิจ จะช่วยให้คุณคาดการณ์เหตุการณ์ที่อาจกระทบตลาดล่วงหน้าได้
เมื่อคุณระบุปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของสกุลเงินแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นอย่างละเอียด
เปรียบเทียบข้อมูลเศรษฐกิจ (GDP, เงินเฟ้อ, การจ้างงาน) กับรายงานครั้งก่อนและความคาดหวังของตลาด
วิเคราะห์ถ้อยแถลงและมุมมองนโยบายของธนาคารกลาง
ติดตามแหล่งข่าวที่รายงานเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่สำคัญ
ระบุแนวโน้มของราคา (ราคากำลังเคลื่อนที่ขึ้น ลง หรือแกว่งในกรอบ?)
มองหาบริเวณแนวรับและแนวต้าน (บริเวณที่ราคามักเด้งกลับ)
ใช้อินดิเคเตอร์ (Moving Average, RSI, MACD) เพื่อยืนยันสัญญาณการเทรด
อย่าลืมว่าการวิเคราะห์ที่รอบด้านควรผสานทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคเพื่อให้เห็นภาพรวมของตลาดอย่างชัดเจน
ตัวอย่าง: หากคุณกำลังวิเคราะห์คู่ EUR/USD
คุณตรวจดูข้อมูลเศรษฐกิจและพบว่า GDP ของยูโรโซนกำลังขยายตัว แสดงถึงความแข็งแกร่งของยูโร
บนกราฟ คุณสังเกตเห็นว่าราคาได้ ทะลุแนวต้านขึ้นไป ยืนยันแนวโน้มขาขึ้น
หากปัจจัยอื่นสอดคล้องกัน นี่อาจเป็นสัญญาณของโอกาสในการซื้อ
เมื่อคุณวิเคราะห์ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว , ก็ถึงเวลาวางแผนการเทรดของคุณ
การเลือกคู่สกุลเงิน: เลือกคู่สกุลเงินที่สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ของคุณ (เช่น EUR/USD, GBP/JPY)
การกำหนดทิศทาง: ตัดสินใจว่าจะเปิดสถานะซื้อ (Long) หรือขาย (Short)
จุดเข้าและออก: ระบุจุดที่จะเข้าเทรดและปิดเทรด
การจัดการความเสี่ยง: ตั้งค่า Stop-Loss เพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
การกำหนดขนาดสถานะ: กำหนดว่าจะเสี่ยงเงินทุนในบัญชีเท่าไรต่อการเทรดหนึ่งครั้ง (แนะนำไม่เกิน 1–2%)
ตัวอย่าง: หากการวิเคราะห์ของคุณชี้ว่า EUR/USD กำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น คุณอาจ:
เปิดออเดอร์ซื้อที่ราคา 1.1200
ตั้ง Stop-Loss ที่ 1.1150 เพื่อจำกัดการขาดทุน
ตั้ง Take-Profit ที่ 1.1300 เพื่อเก็บกำไรเมื่อราคาถึงเป้าหมาย
แม้จะปิดออเดอร์ไปแล้ว แต่งานของคุณยังไม่จบ การเทรดฟอเร็กซ์เป็นกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง คุณต้องประเมินผลการเทรดของตัวเองและปรับปรุงแนวทางอยู่เสมอ
วิธีทบทวนการเทรด:
บันทึกการเทรด: จดจุดเข้า–ออก, เหตุผลในการเข้าเทรด, และผลลัพธ์
วิเคราะห์ผลงาน: การเทรดเป็นไปตามแผนหรือไม่? ถ้าไม่, ติดปัญหาตรงไหน?
ปรับกลยุทธ์: เรียนรู้จากทั้ง การเทรดที่ชนะและขาดทุน เพื่อพัฒนาแนวทางให้ดีขึ้น
ตัวอย่าง: หากคุณเปิดออเดอร์ EUR/USD แล้วขาดทุน ให้ถามตัวเองว่า:
การวิเคราะห์ของคุณถูกต้องหรือไม่?
คุณจัดการความเสี่ยงได้เหมาะสมหรือไม่?
คุณตัดสินใจจากอารมณ์ หรือยึดตามแผนที่วางไว้?
การทบทวนการเทรดในอดีตจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะและยกระดับผลลัพธ์ในการเทรดครั้งต่อไปได้
การวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจการเคลื่อนไหวของราคา และตัดสินใจเทรดได้อย่างมีข้อมูลรองรับ
การวิเคราะห์หลักมีอยู่ 2 ประเภท:
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: พิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมือง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: มุ่งเน้นที่กราฟราคาและอินดิเคเตอร์
ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาด ได้แก่ ข้อมูลเศรษฐกิจ, นโยบายของธนาคารกลาง, และมุมมองของตลาด
กระบวนการวิเคราะห์การเทรด:
เลือกแนวทางการวิเคราะห์ที่คุณจะใช้
ระบุปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อตลาด
วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานและข้อมูลทางเทคนิค
สร้างพิมพ์เขียวการเทรด (คู่เงิน, จุดเข้า–ออก, กลยุทธ์บริหารความเสี่ยง)
ประเมินและปรับปรุงกลยุทธ์ตามผลลัพธ์จากการเทรดที่ผ่านมา
ในบทเรียนถัดไป เราจะลงลึกในเรื่องการบริหารความเสี่ยงในการเทรดฟอเร็กซ
พจนานุกรมคำศัพท์ของเราช่วยอธิบายคำศัพท์การเทรดที่ซับซ้อนให้ง่ายต่อความเข้าใจ เรียนรู้คำสำคัญที่นักเทรดทุกคนควรรู้
อ่านบล็อกล่าสุดของเราเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับการเทรด มุมมองตลาด และกลยุทธ์การเทรดจริง บล็อกของ XS จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูล แรงบันดาลใจ และพร้อมสำหรับการเทรด