ตลาด
แพลตฟอร์ม
บัญชี
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
การแข่งขัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือการเทรด
แหล่งข้อมูล
เพิ่มพูนความรู้ของคุณด้วยคอร์สการเทรดออนไลน์ฟรีจาก
เมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานของการเทรดฟอเร็กซ์แล้ว ก็ถึงเวลาเจาะลึกมากขึ้นว่าระบบการเทรดในตลาดฟอเร็กซ์ทำงานอย่างไร การเทรดไม่ใช่แค่รู้ว่าจะซื้อขายอะไรเท่านั้น แต่ยังต้องเข้าใจถึงวิธีการเปิดและจัดการคำสั่งซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อจบบทเรียนนี้ คุณจะมีภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับด้านการดำเนินงานของการเทรดฟอเร็กซ์ ตั้งแต่โครงสร้างของตลาด ไปจนถึงการส่งคำสั่งเทรดและการจัดการความเสี่ยง
สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องเข้าใจเกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์คือฟอเร็กซ์เป็น ตลาดที่ไม่มีศูนย์กลาง ซึ่งแตกต่างจากตลาดหุ้นที่มีการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แบบรวมศูนย์ เช่น ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange – NYSE)
ในตลาดฟอเร็กซ์ การซื้อขายจะเกิดขึ้นในลักษณะ Over-the-Counter (OTC) นั่นหมายความว่า การทำธุรกรรมจะเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างผู้เทรดและโบรกเกอร์ โดยไม่ผ่านตลาดกลางหรือหน่วยงานควบคุมส่วนกลาง
คุณอาจเคยได้ยินคำว่า “OTC” เวลาซื้อยาโดยที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงการซื้อขายที่ ไม่ผ่านตัวกลางหรือศูนย์กลางกลางใด ๆ
ในตลาดฟอเร็กซ์ คำว่า OTC หมายถึง การแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่เกิดขึ้นโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ผ่านเครือข่ายการซื้อขายแบบอิเล็กทรอนิกส์ แม้ตลาดฟอเร็กซ์จะไม่มีศูนย์กลางการซื้อขายเพียงแห่งเดียวแต่ก็มี ศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก หลายแห่งที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด ได้แก่:
นิวยอร์ก (New York)
ลอนดอน (London)
โตเกียว (Tokyo)
ซิดนีย์ (Sydney)
เนื่องจากศูนย์การเงินเหล่านี้เปิดและปิดในเวลาที่แตกต่างกัน ตลาดฟอเร็กซ์จึงสามารถดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งช่วยสร้างโอกาสในการเทรดได้อย่างต่อเนื่องทั่วโลก
ก่อนที่คุณจะเปิดคำสั่งซื้อขาย คุณต้องตอบคำถามสำคัญข้อหนึ่ง: ควรเลือกเทรดคู่สกุลเงินใด?
การตัดสินใจนี้ขึ้นอยู่กับ การวิเคราะห์ตลาด (ซึ่งเราจะครอบคลุมในบทเรียนต่อ ๆ ไป) ตัวอย่างเช่น หากคุณเชื่อว่า ยูโรจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ คุณอาจต้องการเทรด EUR/USD
การซื้อขายในฟอเร็กซ์ไม่ได้ดำเนินการด้วยตนเองแต่จะผ่าน โบรกเกอร์ ที่ให้บริการแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ แพลตฟอร์มเหล่านี้ เชื่อมต่อเทรดเดอร์กับตลาด โดยให้บริการราคาเสนอ กราฟ และเครื่องมือการซื้อขาย
โบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็น ตัวกลาง ที่ให้เทรดเดอร์เข้าถึง:
ราคาตลาดของคู่สกุลเงิน
คำสั่งซื้อขายหลากหลายประเภท
เลเวอเรจเพื่อควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่กว่า
การเลือก โบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับประสบการณ์การซื้อขายที่ราบรื่น
ทุกการเทรดเริ่มต้นจาก คำสั่งซื้อขาย ซึ่งเป็นการแจ้งกับโบรกเกอร์ว่า คุณต้องการซื้อหรือขายคู่สกุลเงินอย่างไร
คำสั่งซื้อขายมีหลากหลายประเภท ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถกำหนดเงื่อนไขได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งในแง่ของเวลาและวิธีการดำเนินคำสั่ง
Market Order คือคำสั่งซื้อหรือขายคู่สกุลเงินใน ราคาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ เมื่อคุณส่งคำสั่งประเภทนี้ หมายความว่าคุณยอมรับที่จะซื้อขายทันทีในราคาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในตลาด
เนื่องจากราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายในไม่กี่วินาที ราคาที่คุณได้รับอาจไม่ตรงกับราคาที่คุณเห็นเมื่อส่งคำสั่ง สิ่งนี้เรียกว่า Slippage
ตัวอย่างเช่น:
คุณต้องการซื้อ EUR/USD ทันที
ราคาปัจจุบันคือ 1.1200 คุณจึงส่ง คำสั่ง Market Order
คำสั่งของคุณถูกดำเนินการทันทีแต่เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวเร็ว ราคาที่ดำเนินการจริงกลายเป็น 1.1202
ส่วนต่างเล็กน้อยที่ 0.0002 นี้คือ Slippage แม้ว่าคำสั่ง Market Order จะให้การดำเนินการทันทีแต่ก็ไม่รับประกันราคาที่แน่นอนตามที่คุณคาดหวัง
Limit Order คือคำสั่งที่ให้คุณกำหนดราคาเฉพาะที่ต้องการซื้อหรือขายคู่สกุลเงิน
ตัวอย่าง:
EUR/USD อยู่ที่ 1.1250 ปัจจุบัน แต่คุณเชื่อว่าจะลดลงไป 1.1200 ก่อนขึ้นอีกครั้ง
คุณตั้ง คำสั่ง Buy Limit ที่ 1.1200
หากราคา ลดลงมาถึง 1.1200 คำสั่งของคุณจะถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติ
Stop Order คือคำสั่งที่ใช้เพื่อ จำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น หรือ ล็อกกำไรที่ได้รับไว้ ประเภทที่พบได้บ่อยที่สุดคือคำสั่ง Stop-Loss ซึ่งจะปิดการซื้อขายโดยอัตโนมัติเมื่อราคาตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับตำแหน่งที่คุณถืออยู่จนถึงระดับราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
คุณซื้อEUR/USD ที่ 1.1250
เพื่อป้องกันตัวเองจากการขาดทุนครั้งใหญ่ คุณตั้งStop-Loss ที่ 1.1200
หากราคาลดลงไป 1.1200 ระบบจะปิดคำสั่งของคุณโดยอัตโนมัติซึ่งจะช่วยลดขาดทุนให้น้อยที่สุด
การใช้คำสั่ง Stop-Loss ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
ตามที่เราได้กล่าวไปในบทเรียนแรก Leverage, Margin และ Spread เป็นแนวคิดสำคัญในการเทรดฟอเร็กซ์ เรามาทบทวนแนวคิดเหล่านี้อย่างรวดเร็วอีกครั้ง
Leverage คือเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเทรดในปริมาณที่มากขึ้น โดยใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย พูดง่าย ๆ ก็คือ การยืมเงินทุนจากโบรกเกอร์มาใช้ในการเทรด
ตัวอย่างเช่น อัตราส่วน Leverage 100:1 หมายความว่าด้วยเงินทุนเพียง $1,000 เทรดเดอร์สามารถถือตำแหน่งมูลค่า $100,000 ได้
สิ่งนี้สามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรแต่ก็เพิ่มความเสี่ยงจากการขาดทุนอย่างมากได้เช่นกัน
มาร์จิ้น (Margin) คือจำนวนเงินที่คุณต้องมีอยู่ในบัญชีเพื่อใช้ในการเปิดและรักษาสถานะที่ใช้เลเวอเรจ
พูดง่าย ๆ มันคือ เงินวางค้ำประกัน สำหรับส่วนของการเทรดที่คุณใช้เลเวอเรจเข้ามาช่วย
มาร์จิ้นมักแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าตำแหน่งทั้งหมด ตัวอย่างเช่น หากใช้มาร์จิ้น 1% สำหรับตำแหน่งมูลค่า $100,000 คุณจะต้องมีเงินอยู่ในบัญชีของคุณอย่างน้อย $1,000
Margin Call เกิดขึ้นเมื่อส่วนของเงินทุนในบัญชีของคุณลดลงต่ำกว่าระดับมาร์จิ้นที่กำหนดอันเนื่องมาจากการขาดทุนจากการเทรดอย่างต่อเนื่อง
สเปรดในการเทรดฟอเร็กซ์คือส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายของคู่สกุลเงิน โดยสรุปส่วนต่างนี้คือวิธีที่โบรกเกอร์หารายได้คล้ายกับค่าคอมมิชชั่นหรือค่าธรรมเนียมการทำรายการสำหรับการเทรดแต่ละครั้ง
ประเภทของสเปรด:
Fixed Spreads (สเปรดคงที่): คงที่ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร
Variable Spreads (สเปรดผันแปร): เปลี่ยนแปลงตามสภาพคล่องและความผันผวนของตลาด
ตัวอย่างเช่น หาก EUR/USD มีราคาเสนอซื้อ 1.1200 และราคาเสนอขาย 1.1205 สเปรดคือ 5 pips
เพื่อให้เข้าใจการทำงานของแนวคิดทั้งหมดเหล่านี้ในการเทรดฟอเร็กซ์ได้ดีขึ้น เรามาดูตัวอย่างกัน
1. การเลือกคู่สกุลเงิน:
2. การสังเกตราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย:
3. การคำนวณสเปรด:
4. การใช้เลเวอเรจ:
5. การกำหนดความต้องการมาร์จิ้น:
6. การดำเนินการเทรด:
7. การเคลื่อนไหวของตลาดและการคำนวณกำไร:
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ราคา EUR/USD เคลื่อนขึ้นไป 1.1850 bid / 1.1855 ask
คุณตัดสินใจปิดตำแหน่งที่ราคาเสนอซื้อ 1.1850
กำไรต่อ pip คือส่วนต่างของราคาเข้าและออก ในกรณีนี้การเทรดเคลื่อนไหว 45 pips (จาก 1.1805 ไป 1.1850)
สำหรับตำแหน่ง $100,000 แต่ละ pip มีค่า $10 ดังนั้นกำไรรวมคือ 45 pips x $10/pip = $450
8. การปิดเทรด:
อัปเดตความรู้เกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์อยู่เสมอ
ใช้ บัญชีทดลอง เพื่อฝึกฝนทักษะโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง
กำหนด เป้าหมายที่ชัดเจน และกลยุทธ์สำหรับการเทรดของคุณ
ตั้ง Stop Lossเสมอเพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
ใช้เลเวอเรจอย่างชาญฉลาดเพื่อบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ
หลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่เกิดจากความกลัวหรือความโลภ
ศึกษา แนวโน้มของตลาด และติดตามข่าวเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ
ติดตาม ข่าวการเงิน ที่อาจส่งผลต่อค่าสกุลเงิน
เลือก โบรกเกอร์ ที่ตอบโจทย์ความต้องการในการเทรดของคุณ
ฟอเร็กซ์เป็นตลาดที่ไม่มีศูนย์กลาง ดำเนินการ 24/5 ผ่านการซื้อขาย OTC
การซื้อขายดำเนินการผ่านโบรกเกอร์ที่ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์
ประเภทคำสั่งซื้อขายที่ควรรู้ได้แก่ Market Order, Limit Order และ Stop-Loss Order
เลเวอเรจ มาร์จิ้น และสเปรดเป็นปัจจัยสำคัญในจบในการเทรด
การเทรดที่ประสบความสำเร็จเริ่มจากการเลือกคู่สกุลเงิน การใช้เลเวอเรจอย่างเหมาะสม และการจัดการความเสี่ยงอย่างมีระบบ
ด้วยความรู้ทั้งหมดนี้ คุณก็พร้อมแล้วที่จะเริ่มเทรดครั้งแรก! ในบทเรียนถัดไป เราจะไปต่อกันที่ เทคนิคการวิเคราะห์ตลาด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น
พจนานุกรมคำศัพท์ของเราช่วยอธิบายคำศัพท์การเทรดที่ซับซ้อนให้ง่ายต่อความเข้าใจ เรียนรู้คำสำคัญที่นักเทรดทุกคนควรรู้
อ่านบล็อกล่าสุดของเราเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับการเทรด มุมมองตลาด และกลยุทธ์การเทรดจริง บล็อกของ XS จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูล แรงบันดาลใจ และพร้อมสำหรับการเทรด