Facebook Pixel
Logo

คอร์สการเทรดออนไลน์ของ XS

เพิ่มพูนความรู้ของคุณด้วยคอร์สการเทรดออนไลน์ฟรีจาก

โซลูชั่นก็อปปี้เทรด
หน้าหลัก   Breadcrumb right  คอร์   Breadcrumb right  คู่มือ แนะนำ การเทรดฟอเร็กซ์   Breadcrumb right  ระบบ การทำงานของ ตลาดฟอเร็กซ์

ระบบการทำงานของตลาดฟอเร็กซ์

เมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานของการเทรดฟอเร็กซ์แล้ว ก็ถึงเวลาเจาะลึกมากขึ้นว่าระบบการเทรดในตลาดฟอเร็กซ์ทำงานอย่างไร การเทรดไม่ใช่แค่รู้ว่าจะซื้อขายอะไรเท่านั้น แต่ยังต้องเข้าใจถึงวิธีการเปิดและจัดการคำสั่งซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อจบบทเรียนนี้ คุณจะมีภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับด้านการดำเนินงานของการเทรดฟอเร็กซ์ ตั้งแต่โครงสร้างของตลาด ไปจนถึงการส่งคำสั่งเทรดและการจัดการความเสี่ยง

 

โครงสร้างของตลาดฟอเร็กซ์

สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องเข้าใจเกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์คือฟอเร็กซ์เป็น ตลาดที่ไม่มีศูนย์กลาง ซึ่งแตกต่างจากตลาดหุ้นที่มีการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แบบรวมศูนย์ เช่น ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange – NYSE)

ในตลาดฟอเร็กซ์ การซื้อขายจะเกิดขึ้นในลักษณะ Over-the-Counter (OTC) นั่นหมายความว่า การทำธุรกรรมจะเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างผู้เทรดและโบรกเกอร์ โดยไม่ผ่านตลาดกลางหรือหน่วยงานควบคุมส่วนกลาง

 

Over-the-Counter (OTC) คืออะไร?

คุณอาจเคยได้ยินคำว่า “OTC” เวลาซื้อยาโดยที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงการซื้อขายที่ ไม่ผ่านตัวกลางหรือศูนย์กลางกลางใด ๆ

ในตลาดฟอเร็กซ์ คำว่า OTC หมายถึง การแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่เกิดขึ้นโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ผ่านเครือข่ายการซื้อขายแบบอิเล็กทรอนิกส์
แม้ตลาดฟอเร็กซ์จะไม่มีศูนย์กลางการซื้อขายเพียงแห่งเดียวแต่ก็มี ศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก หลายแห่งที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด ได้แก่:

  • นิวยอร์ก (New York)

  • ลอนดอน (London)

  • โตเกียว (Tokyo)

  • ซิดนีย์ (Sydney)

เนื่องจากศูนย์การเงินเหล่านี้เปิดและปิดในเวลาที่แตกต่างกัน ตลาดฟอเร็กซ์จึงสามารถดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งช่วยสร้างโอกาสในการเทรดได้อย่างต่อเนื่องทั่วโลก

 

วิธีการส่งคำสั่งซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์

ก่อนที่คุณจะเปิดคำสั่งซื้อขาย คุณต้องตอบคำถามสำคัญข้อหนึ่ง: ควรเลือกเทรดคู่สกุลเงินใด?

การตัดสินใจนี้ขึ้นอยู่กับ การวิเคราะห์ตลาด (ซึ่งเราจะครอบคลุมในบทเรียนต่อ ๆ ไป) ตัวอย่างเช่น หากคุณเชื่อว่า ยูโรจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ คุณอาจต้องการเทรด EUR/USD

การซื้อขายในฟอเร็กซ์ไม่ได้ดำเนินการด้วยตนเองแต่จะผ่าน โบรกเกอร์ ที่ให้บริการแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ แพลตฟอร์มเหล่านี้ เชื่อมต่อเทรดเดอร์กับตลาด โดยให้บริการราคาเสนอ กราฟ และเครื่องมือการซื้อขาย

โบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็น ตัวกลาง ที่ให้เทรดเดอร์เข้าถึง:

  • ราคาตลาดของคู่สกุลเงิน

  • คำสั่งซื้อขายหลากหลายประเภท

  • เลเวอเรจเพื่อควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่กว่า

การเลือก โบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับประสบการณ์การซื้อขายที่ราบรื่น

 

ทำความเข้าใจกับประเภทคำสั่งซื้อขาย

ทุกการเทรดเริ่มต้นจาก คำสั่งซื้อขาย ซึ่งเป็นการแจ้งกับโบรกเกอร์ว่า คุณต้องการซื้อหรือขายคู่สกุลเงินอย่างไร

คำสั่งซื้อขายมีหลากหลายประเภท ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถกำหนดเงื่อนไขได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งในแง่ของเวลาและวิธีการดำเนินคำสั่ง

 

คำสั่งซื้อขายตามราคาตลาด (Market Orders)

Market Order คือคำสั่งซื้อหรือขายคู่สกุลเงินใน ราคาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ เมื่อคุณส่งคำสั่งประเภทนี้ หมายความว่าคุณยอมรับที่จะซื้อขายทันทีในราคาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในตลาด

เนื่องจากราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายในไม่กี่วินาที ราคาที่คุณได้รับอาจไม่ตรงกับราคาที่คุณเห็นเมื่อส่งคำสั่ง สิ่งนี้เรียกว่า Slippage

ตัวอย่างเช่น:

  • คุณต้องการซื้อ EUR/USD ทันที

  • ราคาปัจจุบันคือ 1.1200 คุณจึงส่ง คำสั่ง Market Order

  • คำสั่งของคุณถูกดำเนินการทันทีแต่เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวเร็ว ราคาที่ดำเนินการจริงกลายเป็น 1.1202

ส่วนต่างเล็กน้อยที่ 0.0002 นี้คือ Slippage แม้ว่าคำสั่ง Market Order จะให้การดำเนินการทันทีแต่ก็ไม่รับประกันราคาที่แน่นอนตามที่คุณคาดหวัง

 

คำสั่งซื้อขายแบบลิมิต (Limit Orders)

Limit Order คือคำสั่งที่ให้คุณกำหนดราคาเฉพาะที่ต้องการซื้อหรือขายคู่สกุลเงิน

ตัวอย่าง:

  • EUR/USD อยู่ที่ 1.1250 ปัจจุบัน แต่คุณเชื่อว่าจะลดลงไป 1.1200 ก่อนขึ้นอีกครั้ง

  • คุณตั้ง คำสั่ง Buy Limit ที่ 1.1200

  • หากราคา ลดลงมาถึง 1.1200 คำสั่งของคุณจะถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติ

 

คำสั่งหยุดขาดทุน (Stop Orders)

Stop Order คือคำสั่งที่ใช้เพื่อ จำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น หรือ ล็อกกำไรที่ได้รับไว้ ประเภทที่พบได้บ่อยที่สุดคือคำสั่ง Stop-Loss ซึ่งจะปิดการซื้อขายโดยอัตโนมัติเมื่อราคาตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับตำแหน่งที่คุณถืออยู่จนถึงระดับราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

ตัวอย่าง:

  • คุณซื้อEUR/USD ที่ 1.1250

  • เพื่อป้องกันตัวเองจากการขาดทุนครั้งใหญ่ คุณตั้งStop-Loss ที่ 1.1200

  • หากราคาลดลงไป 1.1200 ระบบจะปิดคำสั่งของคุณโดยอัตโนมัติซึ่งจะช่วยลดขาดทุนให้น้อยที่สุด

การใช้คำสั่ง Stop-Loss ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ทำความเข้าใจ Leverage, Margin และ Spread

ตามที่เราได้กล่าวไปในบทเรียนแรก Leverage, Margin และ Spread เป็นแนวคิดสำคัญในการเทรดฟอเร็กซ์ เรามาทบทวนแนวคิดเหล่านี้อย่างรวดเร็วอีกครั้ง

 

การใช้เลเวอเรจ (Leverage in Action)

Leverage คือเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเทรดในปริมาณที่มากขึ้น โดยใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย พูดง่าย ๆ ก็คือ การยืมเงินทุนจากโบรกเกอร์มาใช้ในการเทรด

ตัวอย่างเช่น อัตราส่วน Leverage 100:1 หมายความว่าด้วยเงินทุนเพียง $1,000 เทรดเดอร์สามารถถือตำแหน่งมูลค่า $100,000 ได้

สิ่งนี้สามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรแต่ก็เพิ่มความเสี่ยงจากการขาดทุนอย่างมากได้เช่นกัน

คู๋มือ-แนะนำ-การเทรด-Forex

มาร์จิ้นคืออะไร?

มาร์จิ้น (Margin) คือจำนวนเงินที่คุณต้องมีอยู่ในบัญชีเพื่อใช้ในการเปิดและรักษาสถานะที่ใช้เลเวอเรจ

พูดง่าย ๆ มันคือ เงินวางค้ำประกัน สำหรับส่วนของการเทรดที่คุณใช้เลเวอเรจเข้ามาช่วย

introduction-to-forex-trading-thai-no-5

มาร์จิ้นมักแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าตำแหน่งทั้งหมด ตัวอย่างเช่น หากใช้มาร์จิ้น 1% สำหรับตำแหน่งมูลค่า $100,000 คุณจะต้องมีเงินอยู่ในบัญชีของคุณอย่างน้อย $1,000

Margin Call เกิดขึ้นเมื่อส่วนของเงินทุนในบัญชีของคุณลดลงต่ำกว่าระดับมาร์จิ้นที่กำหนดอันเนื่องมาจากการขาดทุนจากการเทรดอย่างต่อเนื่อง

 

สเปรด (Spreads) คืออะไร?

สเปรดในการเทรดฟอเร็กซ์คือส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายของคู่สกุลเงิน โดยสรุปส่วนต่างนี้คือวิธีที่โบรกเกอร์หารายได้คล้ายกับค่าคอมมิชชั่นหรือค่าธรรมเนียมการทำรายการสำหรับการเทรดแต่ละครั้ง

ประเภทของสเปรด:

  • Fixed Spreads (สเปรดคงที่): คงที่ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร

  • Variable Spreads (สเปรดผันแปร): เปลี่ยนแปลงตามสภาพคล่องและความผันผวนของตลาด

ตัวอย่างเช่น หาก EUR/USD มีราคาเสนอซื้อ 1.1200 และราคาเสนอขาย 1.1205 สเปรดคือ 5 pips

 

การเทรดฟอเร็กซ์ทำงานอย่างไร

เพื่อให้เข้าใจการทำงานของแนวคิดทั้งหมดเหล่านี้ในการเทรดฟอเร็กซ์ได้ดีขึ้น เรามาดูตัวอย่างกัน

1. การเลือกคู่สกุลเงิน:

  • คุณตัดสินใจเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD

2. การสังเกตราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย:

  • ราคาเสนอซื้อปัจจุบันสำหรับ EUR/USD คือ 1.1800 และราคาเสนอขายคือ 1.1805      นั่นหมายความว่าคุณสามารถขาย EUR/USD ที่ 1.1800 หรือซื้อที่ 1.1805

3. การคำนวณสเปรด:

  • ส่วนต่างระหว่างราคาเสนอขายและราคาเสนอซื้อคือ 5 pips (1.1805 - 1.1800) ซึ่งคือ    ค่าสเปรด

4. การใช้เลเวอเรจ:

  • คุณตัดสินใจใช้เลเวอเรจ 100:1 ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่กว่าเงินทุนที่ลงทุนจริง 100 เท่า

5. การกำหนดความต้องการมาร์จิ้น:

  • สมมติว่าคุณต้องการควบคุมตำแหน่ง $100,000 ด้วยเลเวอเรจ 100:1 มาร์จิ้นที่ต้องการจะเป็น 1% ของ $100,000 ซึ่งคือ $1,000

6. การดำเนินการเทรด:

  • คุณเชื่อว่ายูโรจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ จึงตัดสินใจซื้อ EUR/USD ที่ราคาเสนอขาย 1.1805 คุณกำลัง 'เปิดตำแหน่งซื้อ' ใน EUR/USD

7. การเคลื่อนไหวของตลาดและการคำนวณกำไร:

  • หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ราคา EUR/USD เคลื่อนขึ้นไป 1.1850 bid / 1.1855 ask

  • คุณตัดสินใจปิดตำแหน่งที่ราคาเสนอซื้อ 1.1850

  • กำไรต่อ pip คือส่วนต่างของราคาเข้าและออก ในกรณีนี้การเทรดเคลื่อนไหว 45 pips (จาก 1.1805 ไป 1.1850)

  • สำหรับตำแหน่ง $100,000 แต่ละ pip มีค่า $10 ดังนั้นกำไรรวมคือ 45 pips x $10/pip = $450

8. การปิดเทรด:

  • ด้วยการคาดการณ์ที่ประสบความสำเร็จ คุณออกจากการเทรดโดยได้กำไร $450 หักค่าธรรมเนียมการทำรายการหรือสเปรด

 

เคล็ดลับสำหรับการเทรดฟอเร็กซ์ให้ประสบความสำเร็จ

  • อัปเดตความรู้เกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์อยู่เสมอ

  • ใช้ บัญชีทดลอง เพื่อฝึกฝนทักษะโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง

  • กำหนด เป้าหมายที่ชัดเจน และกลยุทธ์สำหรับการเทรดของคุณ

  • ตั้ง Stop Lossเสมอเพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น

  • ใช้เลเวอเรจอย่างชาญฉลาดเพื่อบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ

  • หลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่เกิดจากความกลัวหรือความโลภ

  • ศึกษา แนวโน้มของตลาด และติดตามข่าวเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ

  • ติดตาม ข่าวการเงิน ที่อาจส่งผลต่อค่าสกุลเงิน

  • เลือก โบรกเกอร์ ที่ตอบโจทย์ความต้องการในการเทรดของคุณ

 

สรุปบทเรียน

  • ฟอเร็กซ์เป็นตลาดที่ไม่มีศูนย์กลาง ดำเนินการ 24/5 ผ่านการซื้อขาย OTC

  • การซื้อขายดำเนินการผ่านโบรกเกอร์ที่ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์

  • ประเภทคำสั่งซื้อขายที่ควรรู้ได้แก่ Market Order, Limit Order และ Stop-Loss Order

  • เลเวอเรจ มาร์จิ้น และสเปรดเป็นปัจจัยสำคัญในจบในการเทรด

  • การเทรดที่ประสบความสำเร็จเริ่มจากการเลือกคู่สกุลเงิน การใช้เลเวอเรจอย่างเหมาะสม และการจัดการความเสี่ยงอย่างมีระบบ

ด้วยความรู้ทั้งหมดนี้ คุณก็พร้อมแล้วที่จะเริ่มเทรดครั้งแรก! ในบทเรียนถัดไป เราจะไปต่อกันที่ เทคนิคการวิเคราะห์ตลาด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น

ถัดไป: การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในตลาดฟอเร็กซ์
บทเรียนถัดไป

การเรียนรู้ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้

อ่านบล็อกล่าสุดของเราเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับการเทรด มุมมองตลาด และกลยุทธ์การเทรดจริง บล็อกของ XS จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูล แรงบันดาลใจ และพร้อมสำหรับการเทรด